[SF] DON’T CARE [MarkSon]
TITLE:
DON’T CARE
COUPLE:
MARK x JACKSON [MARKSON]
RATE:
PG-12
WORD:
2,523
BY:
Silverfeather29 /@silverfeather29/
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
DON’T
CARE
“มาร์คฮยองงง
กินเบนโตะไหม? แฟนไทยส่งมาให้อีกแล้วอ่า”เสียงแหบโหวกเหวกโวยวายมาจากด้านนอก
ร่างขาวในเสื้อฮิปพอพสีดำตัวโคร่งวิ่งเข้ามาพร้อมขนมจากเมืองไทยหลายซอง
ดวงตากลมระริกร่าเริงเข้ามาใกล้คนร่างสูงที่นั่งทำอะไรไม่รู้อยู่บนพื้น ยืนรอตั้งนานก็ไม่เห็นว่ามาร์คจะหันมาสนใจสักที
“มาร์คฮยองงงง”
“ไม่ล่ะ
นายกินเถอะ”ตอบโดยไม่หันมามอง แจ็คสันมุ่ยปากไม่พอใจ นั่งลงข้างกายคนอายุมากกว่า
พยายามชะเง้อแอบมองดูว่ามาร์คกำลังทำอะไร กลับได้นัยน์ตาดุวาบส่งมาเตือน
“งือ”สะดุ้งตกใจ
กลับมานั่งเฉยๆเหมือนเดิม รู้ว่ากลัวสายตาแบบนั้นก็ชอบทำใจจริงๆเลย ไม่ดูก็ได้ชิ!
ก้มลงมองซองปลาหมึกย่างสีแดงหลายซองในมือก็อดเสียดายไม่ได้
“ไม่กินจริงเหรอ”
“ไม่”น้ำเสียงห้วนตอบคืนมา
แจ็คสันขมวดคิ้วเริ่มหงุดหงิดใจ แกะซองขนมบ่นงุ้งงิ้งคนเดียว
“อุตส่าห์ไปแย่งจากยูคยอมมาได้
ก็เห็นว่าเคยชอบนี่นา ไม่ชอบแล้วรึไง มาร์คไม่กินเดี๋ยวกินเองก็ได้”
เพียงคำแรกที่ส่งเข้าปากก็แทบทำให้แจ็คสันคายออกมาแล้ว
มือขาววางขนมที่เหลือลงบนพื้น กำลังจะลุกวิ่งไปหาอะไรดับร้อนกินข้างนอก
“กินเหลือทิ้งได้ยังไง
กลับมากินให้หมด”เสียงดุบ่น คว้าข้อมือขาวทั้งที่ไม่มองหน้าอีกคน
“แต่...”
“แจ็คสัน!”
คำตวาดเรียกชื่อเขาแบบตอนที่มาร์คกำลังโมโหมากๆถูกนำมาใช้
ร่างเล็กนั่งลงที่เดิม หยิบซองขนมเจ้าปัญหาส่งเข้าปาก กล้ำกลืนกินไปได้ครึ่งซองก็ทนไม่ไหว แลบลิ้นไอโคลกจนคนที่ไม่สนใจเขาเริ่มหันมาสนใจ
มาร์คดูแปลกใจเมื่อเห็นว่าใบหน้าขาวตอนนี้แดงเพราะความเผ็ด
“มันเผ็ดขนาดนั้นแล้วจะกินทำไม”
...แล้วใครบอกให้กินให้หมดกัน...
บ่นได้แต่เพียงในใจ
รีบลุกไปหาอะไรกินแก้เผ็ดด้านนอกด้วยตัวเอง กรอกทั้งน้ำทั้งนมเข้าปากหวังให้ความเผ็ดมันลุเลาลงไป
นึกแปลกใจว่าทำไมถึงเผ็ดได้มากขนาดนี้กัน ทำยังไงก็ไม่หายเผ็ดสักที
เลยเดินกลับไปที่ห้องหวังจะให้คนตัวสูงช่วย
เปิดประตูเข้าไปก็เห็นมาร์คถือซองที่ยังเหลืออยู่ขึ้นมาดู
ดวงตาเรียวหันมามองเขาอย่างนึกตำหนิ แจ๊คสันกลืนคำขอความช่วยเหลือลงคอไปหมด
“ซองนี้มันแบบเผ็ดพิเศษไม่ใช่เหรอ?
ก่อนกินเคยอ่านบ้างไหม”
“...”
“แจ๊คสัน!”
“ขอโทษครับ
คราวหลังผมจะอ่านก่อนนะ...”เสียงแหบบอกแค่นั่น
เดินผ่านพี่ชายร่วมห้องที่อีกตำแหน่งคือคนรักไปเงียบๆ
นอนลงบนฟูกของตัวเองพลิกตัวหันหลังให้คนใจร้ายที่ยังบ่นเขาสองสามประโยคแล้วเดินออกไปจากห้อง ไม่สนใจจะถามกันสักนิดว่าเขาหายเผ็ดรึยัง
ไม่สังเกตถึงริมฝีปากแดงเจ่อร้อนเพราะความเผ็ดนี้สักนิด...
...ไม่สนใจกันบ้างเลย...
“มาร์คฮยองงง”เสียงแหบเรียกคนรักตัวเองที่นั่งพิงกำแพงห้องนอนด้วยใบหน้าร่าเริง
ชูหมวกสแนปใบโปรดโบกไปมา “ไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อย”
“จะไปซื้ออะไร?”เงยหน้าขึ้นมามองคนตัวเล็กที่ยิ้มกว้างดีใจที่ในที่สุดมาร์คก็พูดดีๆกับเขาเสียที
“สบู่ผมหมดแล้วอ่ะ
ไปเป็นเพื่อนหน่อย...นะ”ทอดเสียงอ้อนเปี่ยมด้วยความหวัง ก่อนรอยยิ้มนั้นจะจืดเจื่อนเพราะประโยคถัดมา
“ไปกับคนอื่นแล้วกัน
พี่ไม่ว่าง”
“ไม่ว่างอีกแล้วเหรอ”อดตัดพ้อไม่ได้
สะดุ้งเมื่อโดนดวงตาคมดุปราดมาปราม
...บ่นหน่อยไม่ได้รึไงเล่า!...
“เข้าใจแล้ว!
ไม่กวนแล้ว!”กระแทกเส้นเท้าย่ำเหมือนเด็กโดนขัดใจใส่รองเท้าคู่โปรดออกไปข้างนอกคนเดียว
...ไม่ง้อหรอก
เดินคนเดียวก็ได้!!...
.
.
.
…ก็แค่เหงานิดหน่อยเอง...
“แจ็คสันฮยอง
ถ้าไม่ไหวก็พอเถอะ”ยูคยอมเอ่ยปรามคนตัวเล็กที่พยายามตักข้าวเข้าปากให้หมดจาน
ทั้งที่ใบหน้านั้นแสดงออกอย่างชัดเจนว่าอิ่มจนจะอ้วกอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรๆ ต้องกินให้หมดสิ”แย้มยิ้มที่ไม่สู้จะเต็มใจนักไปให้น้องเล็ก
ตักกินช้าๆจนหมดจาน
แอบเหล่มองคนข้างกายที่จิบน้ำหลังทานข้าวเสร็จหวังจะได้รับคำชมบ้าง แต่ก็ไม่มี... หันกลับมาหูลู่หางตกเหมือนเดิม
แจ็คสันลุกขึ้นเก็บจานเอาไปฝากจินยองที่เป็นเวรวันนี้ล้าง
เดินออกมาจากห้องครัวก็เห็นมาร์คนั่งเสียงหูฟังอยู่บนโซฟา
กำลังจะเดินเข้าไปหาก็ชะงัก
นึกถึงเหตุการณ์วันก่อนที่โดนดุเพราะไปแอบดูโดยไม่ได้รับอนุญาต
ก็เลยได้แต่เดินไปนั่งกอดเข่าหันหน้าไปทางมาร์คบนอีกฟากหนึ่งของโซฟา
คิดถึงแต่ก่อนที่มาร์คจะนั่งฟังเพลงคอยกวักมือเรียกเขาเข้าไปใกล้เสียบหูฟังคนละข้าง
นั่งฟังเพลงด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน แต่ตอนนี้กลับไม่เป็นแบบนั้นแล้ว
“มาร์คฮยอง”ลองเรียกเสียงเบา
แต่ก็ไม่มีคำตอบรับจากอีกฝ่าย ไม่มีเลยยกเว้นท่าทีเฉยชาที่ได้รับ
ความน้อยใจแล่นขึ้นมา ลุกขึ้นโถมกายเข้าหาคนตัวสูงเพื่อเรียกร้องความสนใจ สะดุ้งวาบเมื่อโดนมือแกร่งบีบไหล่ให้ลุกออกจากตัว
บีบแรงจนเขาเบ้หน้าเห่ยเก
“แจ็คสัน! อย่าดื้อ ไปเล่นที่อื่นไป”เสียงทุ้มตวาดกร้าว
“...ก็ได้...”ตอบเสียงเครือ
ลุกลงจากตัก
หันหลังให้มาร์คที่คงไม่ได้สนใจว่าตากลมจะพราวไปด้วยหยาดน้ำตาขนาดไหน...
บางทีแจ็คสันก็สงสัยว่ามาร์คอาจกำลังเบื่อเขาก็ได้...
“มาร์คฮยอง
จะนอนรึยัง?”ร่างขาวในชุดเสื้อกล้ามสีดำกางเกงยางยืดนอนคว่ำหน้ากอดหมอนใบโตมองคนตัวสูงที่ยังนั่งหันหลังให้เขา
ตั้งใจทำอะไรไม่รู้บนโต๊ะอย่างคร่ำเคร่ง
“นายนอนไปก่อนเลย
ฉันขอทำเขียนนี่เสร็จก่อน”
ถึงจะบอกว่าเขียนแต่ก็ไม่ยอมให้เขารู้สักทีว่ากำลังเขียนอะไร
ไม่ยอมให้เขาเข้าไปมีส่วนในชีวิตมามากกว่าสัปดาห์แล้ว
พอจะเข้าไปก็รีบผลักไสเขาออกมาด้วยคำตวาดและดวงตาคมดุ ตอนตื่นก็ไม่เห็นหน้า
ตอนกลางวันก็ปิดตัวเองกับอะไรไม่รู้จนลืมใส่ใจเขาไปหมดทุกอย่าง ทำอย่างกับเขาไม่มีตัวตนบนโลก
ขนาดตอนนอนแจ๊คสันยังต้องนอนคนเดียวไม่มีอ้อมกอดอุ่นอย่างที่เคย
ความเหงาความน้อยใจของแจ๊คสันมันเกือบเต็มถึงถึงปรอทความอดทนแล้วนะ
รู้รึเปล่า?
“มาร์คฮยอง...”เรียกอีกครั้ง
เขารู้สึกว่าช่วงนี้เขาจะเรียกอีกคนบ่อยเหลือเกิน ในขณะที่มาร์คแทบไม่เคยเรียกชื่อเขาเลย
นอกจากคำตวาดทำร้ายจิตใจ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน…
“แจ๊คสัน
จะนอนก็นอนไป ฮยองจะทำงาน”
ปึก!
หมอนใบโตกระแทกศีรษะคนเป็นพี่โครมใหญ่ทันทีที่จบคำพูดนั้น
มาร์คหันกลับมาตั้งท่าจะดุอีกรอบ
แต่ก็ต้องนิ่งไปเมื่อเห็นดวงตากลมพรั่งพรูไปด้วยน้ำตาเปื้อนไหลอาบใบหน้า
ริมฝีปากแดงก่ำเม้มกัดแน่นกลั้นเสียงสะอื้น
“ฮึก...”
“แจ๊คสัน...”มาร์คลุกขึ้น
จับมือคนตัวเล็กที่สั่นระริกไว้ แต่แจ็คสันสะบัดออก
“ผมจะไปนอนกับจินยอง!”บอกแค่นั้นแล้ววิ่งออกจากห้องไป
...และมาร์คก็ไม่ได้ตามมา...
คืนนั้นเขาไปนอนร้องไห้ด้วยความน้อยใจบนโซฟา
ในใจยังรอคอยให้มาร์คตามออกมาง้อ แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงา
กอดตัวเองร้องไห้จนปวดหัวแล้วหลับไปทั้งน้ำตาที่อาบแก้ม
...หมดรักกันแล้วสินะ
เรื่องของพวกเขาจบแค่นี้สินะ...
มาร์คเดินออกมาจากห้องตอนเข็มนาฬิกาตีเวลาบอกเวลาตีห้ากว่าๆ
ร่างสูงสอดส่ายสายตาไปทั่วหอ ขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างคุ้นตานอนคุดคู้อยู่บนโซฟา
เขาเดินเข้าไปใกล้ร่างของคนที่ได้ชื่อว่าคนรัก นั่งคุกเข่าลง
พินิจใบหน้าน่ารักเจือร่องรอยความอิดโรยด้วยความสงสาร
ตากลมแดงก่ำมองก็รู้ได้ทันทีว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง
ลูบปาดน้ำตาที่ยังค้างอยู่บนหางตาออกให้แผ่วเบากลัวไปกวนเวลานอนของคนตัวเล็ก
รู้สึกผิดเข้าไปใหญ่เมื่อเคลื่อนมือไปตามแขนขาวที่เย็นชืดเพราะอากาศหนาวด้านนอก
เขาเข้าใจว่าแจ๊คสันจะไปนอนห้องจินยองเลยไม่ได้ออกมาดู
เพราะงานที่เขาทำมันใกล้จะสำเร็จแล้ว แต่เหมือนว่าเขาจะคิดผิด
แจ๊คสันคงมานั่งรอเขาตรงนี้ รอให้เขาออกมาง้อจนเผลอหลับไปแน่ๆ
เขารู้ตัวว่าช่วงนี้เขาใจร้ายกับแจ็คสันมากไปหน่อย
เวลาก็ไม่ค่อยมีให้ น้องคงทั้งน้อยใจทั้งผิดหวังมากแน่ๆ
อุ้มคนตัวเล็กขึ้นมาถึงได้รู้ว่าน้ำหนักแจ็คสันลดลงมาก
แถมยังตัวรุมๆเหมือนจะมีไข้อีก
มาร์คอยากวางคนตัวเล็กลงแล้วซัดตัวเองสักหมัดเรียกสติจริงๆ
แกเป็นแฟนประสาอะไรวะได้ต้วน ถึงปล่อยให้น้องเป็นถึงขนาดนี้
…นี่เป็นความผิดของเขาล้วนๆ ไม่มีควายผสมเลยจริงๆ...
แจ็คสันลืมตาอันหนักอึ้งขึ้นมาช้าๆ
พบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนห้องเดิม บวกด้วยอาการปวดหัวหนึบๆน่ารำคาญ เจ็บคอ
ไม่สบายตัวแถมปวดเมื่อยไปทั่ว ไม่ต้องเป็นหมอก็รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นไข้ไม่สบาย
มองไปรอบๆหวังให้ใครบางคนมานั่งดูแลอยู่ข้างๆเหมือนเคย แต่ก็ไม่มี
แค่นยิ้มกับตัวเอง
แจ็คสัน หวังคนนี้คงไม่ได้อยู่ในสายตา ไม่ได้เป็นคนรักของมาร์ค ต้วนอีกแล้วสินะ
คิดอีกก็น้ำตาไหลอีก
ช่วงนี้เขาอารมณ์อ่อนไหวง่ายมาก เอะอะๆก็ร้องไห้กับเรื่องเดิมๆคนเดิมๆ
คนเดิมที่ทำให้เขาร้องไห้ได้เยอะขนาดนี้ คนเดียวกับเป็นคนที่เขารักหมดหัวใจ...
เสียงประตูเปิดออก
ร่างสูงที่เขากำลังตัดพ้อต่อว่าใจในเดินเข้ามาพร้อมถ้วยข้ามต้มหอมฉุย
นิ่งไปนิดหน่อยตอนเห็นว่าแจ็คสันตื่นแล้ว มาร์คไม่ได้พูดอะไร
เพียงแต่วางถาดข้าวต้มไว้ข้างฟูกนอน ปีนขึ้นมาโอบหลังของร่างที่ร้อนระอุด้วยพิษไข้
จัดแจงเอาหมอนเกยวางเอาไว้แล้ววางร่างในอ้อมแขนลงไปช้าๆ
การกระทำแสนทนุถนอมทำเอาแจ็คสันอดเขินอายไม่ได้
ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆมาร์คถึงกลับมาดูแลเขาแบบนี้ทั้งที่เมินกันไปตั้งนาน กำลังจะอ้าปากถามก็ต้องหุบเงียบเมื่อนิ้วเรียวแตะลงบนปาก
ดวงตาคมมองลงมานิ่งอ่านอารมณ์ไม่ออก
“อย่าเพิ่งถามอะไร
กินข้าวกินยาก่อน”
“อะ
อื้ม”ตอบรับในลำคอ ยื่นมือจะไปเอาชามข้ามต้มขึ้นมาถือเอง แต่ก็โดนมาร์คแย่งไปก่อน
“ปกติคนป่วยเขากินเองรึไง?...เอ้า! อ้าปาก”
ไม่ทันได้กินน้ำตาก็ร่วงผล็อย
เดือดร้อนให้มาร์คต้องวางถ้วยข้างต้มขึ้นมากอดคนตัวเล็กที่เริ่มเป่าปี่แน่น
ลูบเส้นผมหนานุ่มอย่างต้องการจะปลอบโยน แต่ยิ่งกอดแจ็คสันก็ยิ่งร้องหนักขึ้น
“ไม่เอาน่า
ร้องไห้ทำไม หืม?”
“ก็...มาร์คฮยองใจดี”
“ปกติฉันใจร้ายรึไง”
“อื้ม!”ตอบแบบไม่ต้องคิดเรียกเสียงหัวเราะจากคนที่โดนว่าว่าใจร้าย
จูบลงบนแก้มนิ่มด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ไม่ใจร้ายแล้ว
ขอโทษนะที่ไม่มีเวลาให้เลย”
“มาร์คฮยอง”แจ็คสันเรียกเสียงเบาทั้งที่หน้ายังซบอกอุ่น
“หืม?”
“ยังรักผมอยู่ไหม?
ยังอยากคบผมอยู่รึเปล่า?”
“ถามแบบนี้กล้ารับคำตอบเหรอ?
หืม”ก้มลงไปบีบจมูกรั้นเบาๆ ตวงตากลมแดงเพราะร้องไห้จ้องตาเขาจริงจัง
“อืม...”
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ”
ใบหน้าหวานแบะปากร้องไห้โฮทันที
คนขี้แกล้งทั้งกอดทั้งลูบหัวลูบไหล่ปลอบทั้งขำทั้งดีใจ
“โอ๋ๆ
ไม่ร้องๆ ฮยองขอโทษๆ”
“ฮืออออออออ”
“รักสิ
ฮยองรักแจ็คสัน ไม่ว่าวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ ยังอยากจะคบต่อไปเรื่อยๆ
เรื่อยๆจนแก่เลย ดีไหม?”
“ผมนึกว่ามาร์คไม่รักผมแล้ว
ฮึก มีแต่ตวาดผมตลอดเลย ฮือออ”ยิ่งพูดยิ่งร้อง
มาร์คเลยรวบตัวคนตัวเล็กขึ้นนั่งบนตักไล่กดจูบลงบนหน้าผากมน
ลงมาที่เปลือกตาช้ำชื้นน้ำตา ปลายจมูกโด่งรั้น แก้มนิ่มทั้งสองข้าง
ก่อนมาจบที่ริมฝีปากอิ่มแดงอุ่น หยุดเสียงร้องไห้ได้ชะงัดนักแล...
“ฮยองรักแจ็คสันนะครับ
เชื่อใจฮยองนะ”
“อื้ม
แจ็คสันก็รักฮยองเหมือนกัน อย่าทิ้งผมนะ
แจ็คสันจะเป็นเด็กดี”คำสัญญาน่ารักๆน่าหมั่นเขี้ยว
มาร์คก้มลงไปฟัดแก้มฟัดคอแจ็คสันจนคนใต้ร่างต้องรีบดันคางเขาออกก่อนจะเริ่มออกทะเลไปไกล
“แล้วฮยองกำลังทำอะไร บอกผมได้รึยัง?”
“วางไว้ตรงข้างหมอนแล้ว
ไม่เห็นเหรอ?”
“หา!”ตะโกนตกใจ หันกลับไปมองก็เห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ตรงนั้น
รีบคว้าขึ้นมาดู
“เพลง?...กับผม”
“ใช่ เพลงของเราไง
แต่ฮยองแต่งไม่เก่งเหมือนแจ็คสัน
ก็เลยต้องใช้เวลานานหน่อย...ชอบไหม?”ถามแจ็คสันที่ดูนิ่งไปอย่างนึกกลัวว่าจะไม่ชอบ
เริ่มยิ้มดีใจเมื่อเห็นแก้มกลมเริ่มออกสีแดงเรื่อ
“ชอบครับ...รักเลยล่ะ
ขอบคุณมากเลยครับฮยอง”กระโดดโถมตัวกอดคนรักตัวเองแน่น
ฝังหน้าลงไปบนบ่ากว้างกลั้นเสียงสะอื้นเพราะความตื้นตันใจ
“ทำไมร้องไห้อีกแล้วล่ะ
ฮยองจำได้ว่าไม่มีแฟนเป็นคนขี้แงนะ”
“ก็ไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย
ฝุ่นเข้าตาต่างหาก”เสียงอู้อี้ตอบกลับมา
มาร์คหัวเราะรวบร่างในอ้อมแขนเข้ามากอดแน่นๆ
เหวี่ยงไปมาจนคนในอ้อมกอดทุบรัวๆเพราะเวียนหัว
...น่ารักแบบนี้
เขาไม่ทิ้งง่ายๆหรอกน่า...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น