[SNH] CH09
+---------------------------------------------------------+
บทที่ 9
คอกเทลสีฟ้า
+---------------------------------------------------------+
...จูบปิดปากอีกรอบซะดีไหม...
+------------------------+ SNH
+------------------------+
“แจ๊คสัน”
“...”
“ไอ้แจ็ค”
“...”
“ไอ้สั้น!”
ผวั๊ะ!
ฝ่ามือกร้านจากการจับดาบเซเบอร์เพ่นลงกะบาลเพื่อนตัวดีหลังได้ยินคำเรียกต้องห้ามนั่น
“โอ๊ย! ตีมาได้นะมึง วันนี้มึงเป็นอะไร เหม่อตั้งแต่ต้นคาบยันจบคาบ
กูเรียกเป็นร้อยๆรอบมึงยังไม่ได้ยินเลย”นิคโคลัสบ่นเพื่อนทั้งที่ยังจับหัวตัวเองไว้กันโดนตบหัวอีกรอบ
ตบแรงซะหัวกูระบบเลยแม่ม!
“อย่าเวอร์ไอ้นิค
มึงเรียกกูแค่สามรอบ”คนตัวเตี้ยเหลือบตามองเซ็งๆ
ไถลตัวลงนอนหมอบกับโต๊ะแลคเชอร์อย่างคนเกียจคร้านจะคุย
“อ้าวไอ้นี้นี่ ได้ยินแล้วก็ไม่ตอบกู...”
“กูขี้เกียจไง ไปเหอะ จะมานั่งแช่ทำไมวะ”แจ็คสันบ่นงึมงำสะพายกระเป๋าชวนเพื่อนที่บ่นตามหลังมาแต่ไม่ได้ฟังหรอกว่ามันบ่นอะไร
รู้แต่ว่าพอเดินมาถึงหน้าห้องปุ๊บก็เจอกับเซอร์ไพรส์ชิ้นพิเศษ
“...”
อะไรคือการที่เดือนแพทย์ปีก่อนคนดังอย่างมาร์คต้วนมายืนเก๊กให้สาวๆรุมกรี๊ดอยู่ตึกวิทยาศาสตร์ครับ?
ตาสวยเหลือบมามองทางผม ยิ้มให้บางๆพอเป็นมรรยาทให้สาว
มือขาวทำสัญญาณขอทางแหวกวงล้อมแฟนคลับออกมายืนอยู่หน้าผม บ่นงึมงำเสียงเบา
“มาสักที”
“เอ่อ นี่มารอเหรอ?”
“คิดว่าไงล่ะ?”
“เอ๊า! กวนอีก หนาที่กวนมันของผม
พี่น่ะเก๊กหน้าหล่อไปวันๆก็พอแล้ว”ผมบ่นใส่หัวคิ้วขมวดใส่คนหน้าสวยที่ยังทำหน้านิ่ง
แถมยังมองเลยไปด้านหลังอีก หันไปมองก็เจอกับนิคโคลัสที่ก้มหน้าก้มตาบ่นงึมงำ
มาร์คยังคงจ้องมองเพื่อนผมจนกระทั่งนิคมันเงยหน้าขึ้นมาคนตัวสูงถึงได้เบี่ยงสายตามาหาผม
“อ่ะ...พี่มาร์ค เอ่อ สวัสดีครับ มะ
มาหาแจ็คสันเหรอครับ”ไอ้นิคเอ่ยทักพี่ต่างคณะคนดังเสียงตะกุกตะกัก
แอบเห็นว่าหน้ามันแดงนิดๆด้วย แล้วทำไมจู่ๆถึงเกิดหงุดหงิดได้วะไอ้หวัง!
“ใช่ เราชื่อนิโคลัสใช่ไหม? เอาเป็นว่าฝากแจ็คสันด้วยนะ”
“ทำไมต้องฝากผมไว้กับมันด้วยล่ะ? ระดับนี้ไม่ต้องฝากแล้ว
ลงอ่างด้วยกันยังเคยแล้วเหอะ"เสียงผมไม่กระชากไปใช่ไหม?
รู้แต่ว่าเอ่ยประโยคนั้นเสร็จก็เจอทั้งฝ่ามือเพื่อนทั้งสายตาดุวาบจากคู่ตัวเองเลย
“ไอ้แจ็ค!”ไอ้นิคมันขี้อายครับ พูดแค่นี้มันยังหน้าแดงเลย
แต่พูดตรงๆตอนนี้ผมกลัวสายตามาร์คมากกว่า ดุไปไหนเนี่ย! มือหยาบรวมข้อมือผมหมับ
“พี่กับแจ็คสันขอตัวนะ”เขาเอ่ยพลางลากผมไปด้วย
ทิ้งนิคที่โบกมือบ๊ายบายยิ้มแบบไม่เข้าใจสถานการณ์ไว้เบื้องหลัง
ส่วนผมก็ต้องสาวเท้าตามความเร็วคนตัวสูงให้ทัน
ไม่งั้นได้หน้าคะมำงามหน้าคนทั้งคณะแน่ๆ
...ไปกินรังแตนที่ไหนมาวะ???...
มาถึงรถแล้วแต่มาร์คยังไม่ปล่อยมือจนผมต้องขืนข้อมือยื้อกลับมาเอง
คนตัวสูงมองหน้าผมแวบหนึ่งแล้วก้มหน้าถอนหายใจเฮือก
“เป็นอะไร?...ไม่ดิ มีอะไรรึเปล่า
ทำไมวันนี้ได้มายืนหน้าห้องเรียนผมล่ะ? ปกติพี่ไม่ชอบความวุ่นวายนี่?”
“ฉันไม่ได้ธุระกับนายคนเดียวหรอกน่ะ”มาร์คเอ่ยพึมพำ
เขาหลับตาลงพิงรถเหมือนเหนื่อยกับอะไรบางอย่าง
“ไม่ใช่ผมคนเดียว? งั้นใครอ่ะ”ถามแล้วเงียบแฮะ งั้นเดา
“ไอ้นิคเหรอ”
“ใช่”
...อ้าวถูก ทำไมซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้บ้างแว๊...
“เดี๋ยวจะให้ยองแจเล่าให้ฟัง”เขาเอ่ยตัดบทแล้วพาผมขึ้นรถขับไปเส้นทางไม่คุ้นเคย
สุดท้ายก็พาไปจอดหน้าบ้านจัดสรรหลังหนึ่ง มาร์คเดินนำผมเข้าไปในบ้านโดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของบ้านด้วยซ้ำ
แถมประตูบ้านก็ยังไม่ล็อคอีกแหนะ เจ้าของบ้านจะเหลาะแหละไปไหน
ไม่ได้กลัวขโมยขึ้นบ้านเล๊ยยย
ผมก้าวเข้ามาในบ้านตามมาร์ค ไม่ได้รู้สึกผิดสักนิด
ก็เจ้าของบ้านไม่ล็อคเองนี่ พวกผมไม่ผิดนะ (ยักไหล่) ตาก็สอดส่ายดูนั่นดูนี่ไปทั่ว
บ้านหลังกะทัดรัดในพื้นที่คับแคบ มีของกระจุกกระจิกเยอะแยะอย่างกับผู้หญิง
เปียโนหลังใหญ่ถูกวางไว้ด้านหนึ่งของห้องนั่งเล่น กินพื้นที่ไปถึงหนึ่งส่วนสี่จนพวกโซฟารับแขกหรือโทรทัศน์ต้องย้ายไปไว้ติดผนังอีกฝั่งหนึ่งเสียหมด
แต่โดยรวมก็สะอาดสะอ้านดี
“ยองแจ ยองแจ”มาร์คตะโกนเรียกเจ้าเด็กตี๋หน้ากวน
“นี่บ้านยองแจเหรอ? หมอนั่นอยู่บ้านคนเดียว”
“อ่ะฮะ ใช่ ผมอยู่บ้านคนเดียว ก็ผมไม่ได้เป็นคนไทยนี่
ผมย้ายมาจากเกาหลีเหมือนพวกพี่แจบอมนั่นแหละ”น้ำเสียงใสอันเป็นเอกลักษณ์เจื้อยแจ้วตอบผม
เจ้าตัวเดินออกมาจากส่วนที่น่าจะเป็นห้องครัว ปากคาบช้อนมือก็หอบเอาไอติมถังใหญ่มาด้วย
จนสงสัยว่าเมื่อกี้มันพูดตอบกลับมายังไง
“แล้วใครถามนายเนี่ย”
“อ้าว ก็นั่นเรื่องผม ผมตอบเองได้น่า อ่ะๆ นั่งเลยๆ
ไม่ต้องเกรงใจคร๊าบ”เจ้าเด็กตี๋นั่นผายมือไปทางโซฟา ท่าทางกวนตีนจนแทบอยากยันเท้าใส่
ผมนั่งลงข้างมาร์คในขณะที่เจ้าของบ้านมันลงไปนอนกลิ้งเล่นกับเครื่องโน้ตบุ๊คหน้าโซฟา
...มึง...ตามสบายเกินไปนะ...
“พี่แจ็ครู้ป่ะ? ว่าพวกเงาจันทร์มันมีหลายระดับ
แยกง่ายๆคือพวกกินน้อยสมองน้อย กับพวกกินมากเลยมีสมองเยอะหน่อย”จู่ๆไอ้ตี๋มันก็โพล่งขึ้นมาแบบไม่มีใครถาม
หันหน้าจอ LED มาที่แสดงข้อมูลเงาจันทร์มาทางพวกผม “ที่เราฆ่าทุกวันๆนั่นเป็นพวกแรก
แต่ที่เรากำลังจะมีปัญหาคือพวกที่สอง ถึงจะเจอยากแต่มันฉลาด ลักษณะคล้ายคลึงมนุษย์
มีกลุ่มสังคม วางแผนเป็น แล้วตอนนี้มันก็กำลังวางแผนลักพาตัวคนอยู่”
“ลักพาตัวทำไม จับกินไปเลยมันจะไม่ง่ายกว่ารึไง?”
“นั่นก็ใช่อ่ะ
แต่ไอ้พวกนั้นมันจะเซ่นพระจันทร์อ่ะดิ”ยองแจตอบหน้ามึน
คือ...ช่วยอธิบายอะไรที่กูเข้าใจมากกว่านี้หน่อยได้ไหม...
มาร์คถอนหายใจดังเฮือกแล้วอธิบาย
“มันจะจับผู้คนที่มีค่าความสุขมากๆสิบสองคนมารวมกันทำพิธีในวันพระจันทร์เต็มดวงสีเลือด
พลังของเงาจันทร์ที่ได้กินมนุษย์พวกนั้นจะมีแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น
ซึ่งนั่นจะเป็นปัญหาสำหรับเรา...มันจัดการยาก”
“แล้วมันเกี่ยวกับเพื่อนผมตรงไหน? หรือว่าไอ้นิคมันเป็นพวกเงาจันทร์แฝงตัวมา!”ผมเบิกตาโตขึ้นเสียงสูงตกใจกับคำสันนิฐานของตัวเอง
ก่อนหลุดร้องโอ๊ยเมื่อโดนฝ่ามือคนข้างๆโบกกะบาลเข้าให้
มือกุมหัวร้องโวยวายอย่างเคย
“เพ้อเจ้อ”
“มาร์คคคคคค!!!”ผมตะโกนกรอกหูคนตัวสูงด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะโดนยัน
(ด้วยเท้า) อีกรอบ ยองแจหัวเราะปากกว้างลั่นห้อง
“จะคุยกันจบไหม”เหมือนมาร์คจะอารมณ์เสียขึ้นมาแล้ว
แขนยาวอ้อมคล้องคอมาปิดปากล็อคคอผมแน่นแล้วรีบอธิบายต่อ
“นิโคลัสเพื่อนนายเป็นเป้าหมายของพวกเงาจันทร์นั่น
ตอนนี้พวกเรายังไม่รู้ที่ซ่อนตัวของพวกมัน
ภารกิจของพวกเราคือคอยดูแลนิโคลัสไม่ให้โดนเงาจันทร์งาบไป”พูดจบมาร์คก็ปล่อยมือจากปากเด็กเตี้ยที่กำลังดิ้นร้องอู้อี้โวยวายออก
“ปิดปากทำไมวะ! แม่ง หายใจไม่ออก”
“ให้ผายปอดให้ไหม”
“ไปตายเถอะมาร์ค”
“บอกให้เรียกพี่มาร์ค”
มาร์คกับแจ็คสันนั่งต่อปากต่อคำกันอยู่พักใหญ่จนคนที่กลายเป็นคนนอกในบ้านตัวเองโพล่งขัดขึ้นมา
“พวกพี่นี่จี้ชะมัด”
“แกจี้กว่าอีก ไอ้เด็กกวนส้น
เคยโดนตีบ้างไหมปากงี้?”แจ็คสันหันไปเล่นงานยองแจแทนมาร์คที่กอดอกเอนตัวหลับตาเหมือนตัดขาดตัวออกจากสงครามครั้งนี้แล้ว
“โหยยยย ถามงี้เลยเอ๋อ พี่แจ็คสันนั่นแหละ...”
แล้วสงครามครั้งใหม่ก็เริ่มขึ้น...อาเมน
+------------------------+ SNH
+------------------------+
เสียงดนตรีแดนซ์จังหวะมันๆเคล้าไปกับสารพัดเสียงของหมู่มวลนักท่องราตรี
กลิ่นแอลกอฮอล์ปะปนไปกับกลิ่นอ้วกและกลิ่นน้ำหอมเล่นเอาแจ็คสันหยีหน้าใส่ทันทีที่ก้าวเข้ามาในผับแห่งนี้ได้ไม่เกินสองก้าว
ถามว่าทำไมผมถึงได้มาอยู่ตรงนี้???
ย้อนไปครึ่งชั่วโมงก่อน
ในตอนที่กำลังคิดแผนว่าจะทำยังไงดีถึงจะดูแลนิคได้อย่างไม่ทำให้เจ้าตัวสงสัย
เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นพร้อมเบอร์จากไอ้ตัวภารกิจที่ร้องไห้ฟูมฟายว่าเจอสาวที่แอบชอบไปเดทกับหนุ่มคนอื่น
คืนนี้มันเลยจะกินเหล้าย้อมใจ ให้ผมมาเป็นเพื่อน บอกตำแหน่งเสร็จสรรพก็วางสายปั๊บ
ไม่เปิดโอกาสให้ผมปฏิเสธสักนิด...
...จะว่าไงดี มันซวยและผมเฮง ไม่ต้องคิดแผน
มันเรียกผมมาเองเลย...
ผมเป็นคนเที่ยวไม่บ่อยนะ แต่ก็มีบ้างตามประสาวัยรุ่น ส่วนใหญ่ก็มากับไอ้นิคนี่แหละ
หามันไม่ยากครับ นั่งแต่อยู่หน้าบาร์แหละไอ้นี่
หน้าใสคอทองแดงนะครับอย่าพูดเป็นเล่นไปแต่เหมือนมันจะเสียใจหนักอยู่นะ
พอผมมาถึงก็กรึ่มแล้ว แก้วกองอยู่ตรงหน้ามันเกือบสิบแก้ว
ยังมีหน้าหันมาโบกมือบอกตำแหน่งด้วยนะ เออ กูรู้แล้ว
“จะตายยังมึง เสียใจมากไหม”
“ถามอย่างนี้เอาตีนมายันหน้ากูดีกว่าครับ ไอ้หวัง”มันเหลือกตาใส่ผมพลางหันไปจิบเหล้าในมือต่อ
“ผู้หญิงบนโลกไม่ได้มีคนเดียวสักหน่อย
ไม่ใช่น้องแตกกวาก็อาจเป็นน้องกุ๊บกิ๊บ เชอรี่ น้องไวท์ มีตั้งมากมาย...”
“ไม่ยอมเรียกกัน พ่อง! มาเล่นมุกอะไรตอนนี้วะ กูกำลังเครียด
กูเพิ่งอกหักมานะเว้ยยยย”
“โถ่ แค่นี้ก็โวยวายไปได้ อกหักไม่ยักกะตาย เคยได้ยินป่ะ”
“เออ! ไม่ตาย แต่กูอยากเมา
จบนะ”ว่าแล้วมันก็สั่งเหล้ามาเพิ่มรินๆชงๆให้ทั้งผมทั้งตัวเองเสร็จสรรพ
ผมนิ่วหน้าใส่มัน ก็รู้ว่าไม่ชอบกินก็ชอบชงในกูจริ๊ง............... แต่ก็กินนะ
ฮ่าฮ่าฮ่า
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แต่ตอนนี้ผมว่าผมเริ่มจะมึนๆแล้วเลยหยุดก่อน
ผิดกับไอ้เพื่อนรักที่ตอนนี้หมอบครางพร่ำเพ้อถึงน้องแตงกวาหงิงๆดูน่าสงสารปนสมเพชอยู่ข้างๆ
“ฮือออ พี่นิคไม่ดีตรงหนายยย เอิ๊ก! น้องแตกกวาถึงจากกกพี่ปายยยย
ฮืออออ”
…ได้ยินข่าวว่าน้องเค้ายังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเมิงเลยไหม?...
ปล่อยให้มันพร่ำเพ้อไปสักพักก็มีหญิงสาวหุ่นสะบึ้มมานั่งข้างๆ
น้ำลายแทบกระฉอก แม่เจ้าพระคุณรุนช่อง! แตงโมสองลูกนั่นโกยมาจากไหนวะ ฮั่นแน่~~~~ แอบเมียงมองส่งสายตามาทางผมซะด้วย
ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงฉ่ำแย้มยิ้มยั่วยวนให้ผม
ถ้าไม่ติดไอ้เพื่อนรักนะป่านนี้กูกระโดดเข้าใส่สาวเจ้าล่ะครับ
เหมือนจะรู้ว่าผมติดพัน (?)
เธอเลยเดินถือคอกเทลสีฟ้าเข้ามาหาเองเสียเลย
กระโปรงสีดำรัดรูปสั้นจุ๊ดจู๋แบบเดินทีลุ้นทีกลัวมีอะไรโผล่ออกมาทักทาย
มือขาววางแปะบนบ่าลูบไล้เบาๆชวนสยิว แม้จะเวียนหัวกับกลิ่นน้ำหอมที่สาวเจ้าประโคมมาแต่ถ้าบวกลบคูณหารกับหน้าตาและหุ่นสะบึ้มนี่ก็โอเค! เธอค่อยๆเอนตัวลงมาดันให้เห็นร่องอกชัดเจน
สาวๆสมัยนี้กล้าดีนะครับ ว่าไหม -.,-
“ฉันมาคนเดียวเหงามากเลย
ขอดื่มเป็นเพื่อนได้ไหมคะ?”เสียงใสกล่าวเชิญชวน ไอ้หวังแทบลอยล่ะครับ ยกยิ้มมุมปากที่คิดว่าเท่ไปให้หญิงสาวที่เริ่มเขินจนแก้มแดง
กำลังจะเอ่ยปากตอบตกลงแต่ก็มีมารผจญมาขัดโอกาสทอง
“คงไม่ได้ล่ะครับ
เพื่อนผมเขาเริ่มเมาแล้ว”เสียงทุ้มต่ำโทนเย็นชาแบบนี้ที่ผมรู้จักก็มีคนเดียวล่ะครับ
ผมหันขวับไปมองร่างสูงที่มีลุคไม่คุ้นตา มาร์คอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำสกรีนลายเท่ๆ
กางเกงยีนสีเข้มและเครื่องประดับเงินหลายชิ้นบนตัว
ผมไม่เคยสังเกตว่าเขาเจาะหูด้วยแฮะ ทรงผมจัดเซ็ตอย่างดี
ไม่ต้องให้ผมบรรยายก็ได้มั้งว่าสายตาสาวๆในผับจะจ้องมาทางไหนเป็นพิเศษ
ฟีโรโมนงี้ฟุ้งในระยะสามร้อยเมตรเชียว (แบะปากหมั่นไส้)
“อ่า งั้นคุณดื่มเป็นเพื่อนฉันแทนได้ไหมละคะ”
เฮ้ย!
เปลี่ยนกันง่ายงี้เลย...ผมอุทานในใจขณะมองสาวชุดดำรีบเปลี่ยนเป้าหมายปรี่ไปหามาร์คด้วยแววตาพราวระยับ
ผิดกับมาร์คที่หันมามองผมนิ่ง...
“นะคะ”หญิงสาวยังคงออดอ้อน เห้ยๆ มือเจ๊น่ะล้วงไปไหนวะ ไอ้คนขี้เก็กก็ไม่มีหลบหลีกอะไรเล๊ยยย
ต้องให้กูไปกระชากออกมาเหมือนละครไทยรึไง โอ๊ยแม่ง! ทำไมโมโหขนาดนี้วะ!
แง่งงงงง!
มาร์คถอนหายใจเฮือกหลังสื่อสารทางสายตากับแจ็คสันไม่สำเร็จ
เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะตกลงไปในห้วงพายุอารมณ์ของตัวเองแล้ว
เหลือบมองนิคที่หมอบหมดสภาพอยู่ข้างแล้วตัดสินใจคว้าแก้วคอกเทลสีฟ้าใสกระดกหมดรวดเดียวท่ามกลางสายตาอึ้งๆของคนรอบข้าง
แกะมือหญิงสาวออกจากตัวเขาเบาๆ เพื่อรักษามรรยาท
“ขอโทษนะครับคุณผู้หญิง
พวกผมขอตัวนะครับ”เอ่ยเสียงทุ้มพร้อมรอยยิ้มบาง ก้าวฉับไปหาแจ็คสันที่นั่งนิ่ง
แตะแก้มใสด้านหนึ่งแผ่วเบาเรียกสติให้ตากลมฉายแววขุ่นเคืองหันมาจ้องหน้า
เขายิ้มให้แจ็คสันที่ทำหน้าบูดแล้วหันไปหิ้วปีกนิโคลัสด้านหนึ่ง
ไม่ลืมใช้มืออีกด้านที่เหลือคว้าข้อมือเด็กเตี้ยให้เดินตามออกมาด้วย
แจ๊คสันดูจะไม่พอใจนัก
แต่ก็ไม่ขัดขืนที่จะเดินออกมาจากสถานที่เริงรมย์นั่น หน้าผับมียองแจที่ยืนพิงรถเต่าคันสีเหลืองอ๋อยสะดุดตา
ด้านข้างคือรถออดี้สีดำของมาร์ค
“ยองแจ พานิโคลัสไปบ้านนาย
ให้เขาพักอยู่ด้วยก่อนจนกว่าวันพระจันทร์เต็มดวงจะผ่านไป
ส่วนเหตุผลนายก็ปั้นเอาเองแล้วกัน
ทำได้ใช่ไหม”มาร์คหันไปสั่งเด็กตี๋ที่อ้าปากหวอก่อนโวยลั่น
“พี่มาร์คอย่าโยนขี้อย่างนี้ดิ! ทำไมไม่เอาไปอยู่กับพี่อ่า”
“1. หมอนั่นเมา กลับบ้านเองไม่ได้
2.
รถฉันนั่งได้สองคน
3. นายอยู่คนเดียว
คงไม่มีปัญหาเรื่องสถานที่”เสียงทุ้มตอบรีบเร่งจนแจ็คสันผิดสังเกต
มือขาวที่จับมือเขาอยู่เหงื่อออกจนชุ่มไปหมด
“พี่มาร์ค?”
“...ก็ได้ๆ”ยองแจก็เหมือนจะจับความผิดปกติได้เหมือนกัน
เดินมาเอาตัวนิคโคลัสไปยัดใส่รถตัวเอง
หาอะไรบางอย่างหลังรถแล้วรีบโยนมาให้มาร์คที่รีบรับไว้อย่างไว ร่างสูงเหลือบมองมัน
พอรู้ว่าเป็นอะไรก็โยนคืนโดนหัวเจ้าของดังโป๊ก
“ไอ้ตี๋นรก!”
มาร์คด่ารุ่นน้องตัวเองที่นอกจากจะไม่เจ็บแล้วยังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากพอใจอีกต่างหาก
“ผมอุตส่าห์หวังดีนะ”
“ประสงค์ร้ายแล้ว...ไป กลับบ้าน”
รถออดี้สีดำกลืนไปกับยามราตรีพุ่งทะยานออกไปอย่างไว
ทิ้งยองแจให้มองตามไปด้วยแววตาพราวระยับ
“555555555555555”หัวเราะสะใจเสร็จก็ถึงเวลาภาระหนัก
เหลือบมองคนไร้สติในรถตัวเองแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “พี่มาร์คนี่ไม่ไหวจริงๆแฮะ
หนีไปมีความสุข แต่โยนขี้ก้อนใหญ่ให้น้องเฉยเลย
ใช้ไม่ได้ๆ”ส่ายหน้าเลียนแบบละครดัง แล้วเดินขึ้นรถพาไอ้เต่าสีเหลืองตุเลงๆไปตามวิบากกรรม...
+------------------------+ SNH
+------------------------+
ออดี้สีดำดริฟท์เข้าจอดใต้คอนโดอย่างเทพก่อนที่เจ้าของรถจะก้าวลง
คว้ามือแจ็คสันให้เดินตามมา
ระหว่างทางแจ็คสันไม่กล้าพูดอะไรเพราะท่าทีที่แปลกๆไปของคนตัวสูง
ได้ส่งสายตาเป็นห่วงไปก็เท่านั้น ในลิฟท์มาร์คผละตัวเองไปยืนพิงเกาะอกก้มหน้าอยู่มุมลิฟท์
“พี่มาร์ค...เป็นอะไรรึเปล่าน่ะ”
“...”
“ไม่สบายเหรอ”
“เงียบก่อน”เสียงทุ้มตอบกลับมา ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองเขา
ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดขึ้น มาร์คก็จับข้อมือแจ็คสันให้ตามเขาเข้าไปในห้อง
กริ๊ก…
“อื้ม!!!”
คนตัวเตี้ยส่งเสียงในลำคอเมื่อจู่ๆก็โดนคว้าตัวมาจูบไม่ทันตั้งตัว
มาร์คดันตัวแจ็คสันไปติดผนัง ตะโบมจูบจนคนด้านใต้หายใจไม่ทัน แขนด้านหนึ่งดันไหล่เขา
ในขณะที่มืออีกด้านจับท้ายทอยขาวให้เชิดหน้าขึ้นมารับรสจูบมากยิ่งขึ้น
“ฮ่า” แจ็คสันรีบหอบเอาลมหายใจเข้าปอด
รู้สึกแสบๆที่ริมฝีปากเหมือนปากแตก ร้องเฮ้ยอีกรอบเมื่อคราวนี้ร่างทั้งร่างโดนเหวี่ยงลงบนพื้น
ถึงจะเป็นพื้นพรมแต่เพราะโดนเหวี่ยงลงมาไม่ทันให้ตั้งตัวหลังเลยโดนพื้นไปเต็ม
เจ็บจนต้องร้องครางออกมา แต่เจ้าของริมฝีปากสวยก็ฉวยเอาเสียงของเขาไปอีกครั้ง
รสจูบที่ทั้งร้อนแรง
เร่งเร้าราวกับสัตว์ป่าผู้หิวกระหายทำให้แจ็คสันเริ่มกลัวขึ้นมาจริงๆ
มือขาวยึดเสื้อยืดของมาร์คไว้กระตุกแรงๆให้รู้ว่าเขาแทบจะหมดลมหายใจอยู่แล้ว
“มาร์ค! พี่มาร์ค! เป็นอะไรเนี่ย”
“ขอโทษ แจ๊คสัน
พี่ขอโทษ”มาร์คยังคงก้มหน้าเอ่ยประโยคเดิมๆแผ่วเบา แจ็คสันขมวดคิ้วขุ่นเริ่มไม่สบอารมณ์ขึ้นมาจริงๆ
“แล้วนี่พี่ขอโทษอะไร ถ้าไม่บอกผมจะรู้ไหมล่ะ!”
มาร์คไม่พูดเป็นคำตอบแต่ดวงตาสวยเยิ้มที่ยอมสบตาเขาครั้งแรกหลังจากที่ออกจากผับก็พอจะทำให้เขารู้
ปากอิ่มอ้าพะงาบๆ แก้มกลมแดงจัด เมื่อเริ่มจะเดาเรื่องราวออก
...หญิงสาวและคอกเทลสีฟ้า...
“นี่...ในคอกเทลนั่นมียาเหรอ!?”
+------------------------+ SNH
+------------------------+
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น