[EREBUS] 06




~ 6 ~

















เวลาล่วงเลยมาถึงหนึ่งสัปดาห์ มาร์คยังคงดูดพลังจากแจ๊คสันเช้ากลางวันเย็น บางวันมีแม้กระทั่งมื้อก่อนนอน ทำเอาเขาแทบไม่ต้องข่มตาหลับเพราะสลบคาริมฝีปากสวยที่คอยแต่จะรุกรานดูดดึงพลังชีวิตออกไปจากร่าง ตอนกลางวันมาร์คจะบินออกไปหาอะไรกินด้านนอก แจ๊คสันไม่เคยเห็นหรอกว่ามาร์คออกไปสภาพไหนเพราะมาร์คจะเอาเขามาขังไว้ที่ห้องใดห้องหนึ่งในปราสาทเสมอ

วันนี้เป็นห้องนั่งเล่น...

โซ่สีเงินยังคงล่ามเขาไว้ไม่ให้หนี แจ๊คสันเริ่มชินกับความอึดอัดที่ต้องมีปลอกคอหนังสีดำสวมติดอยู่ตลอดเวลาแล้ว ถึงบางครั้งเขาจะหงุดหงิดเพราะอากาศร้อนๆบางวันก็เถอะ นานๆไปการอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร มาร์คไม่ได้โหดร้ายทารุณอย่างที่คิด ถึงจะดูเย็นชา พูดน้อย ไม่ค่อยสนใจ แต่นั่นก็ถือว่าดีแล้ว เพราะเขาก็ไม่ได้อยากคุยกับหมอนั่นมากเท่าไหร่นักหรอก

จะเสียก็ตรงโดนหมอนั่น กินแล้วสลบนี่แหละ มันทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองอ่อนแอ บอบบางเหมือนผู้หญิง

...แจ๊คสันเกลียดความรู้สึกแบบนั้น...

“คิดอะไรอยู่จ๊ะ~ อะแฮ่มๆ”

น้ำเสียงหวานใสดังมาจากลูกแก้วลูกเดิม ภาพหญิงสาวแสนสวยปรากฏขึ้นพร้อมรอยยิ้มสดใส

“เรื่อยเปื่อย...”ตอบเนือยๆ เอนเลื้อยไปกับโซฟาอย่างเกียจคร้าน เวลาว่างๆก็มีเจอาร์นี่แหละที่คอยเป็นเพื่อนคุย เพราะยองแจจะมาหาได้ก็ต่อเมื่อมาร์คหลับหรือออกนอกเขตปราสาทแล้วเท่านั้น หญิงสาวเล่าเรื่องในโลกนี้ให้ฟังหลายอย่าง รู้ดีใช่ย่อยเลย แม้กระทั่งเรื่องของลูซิเฟอร์เธอก็ยังรู้...เพียงแต่ไม่ตอบเขา

“ที่ฉันถามเธอคราวก่อนว่ามาร์คมีจุดอ่อนไหมน่ะ เธอยังไม่ยอมตอบเลย”พอพูดถึงเรื่องนี้หญิงสาวก็จะยิ้มมุมปากท่าทางเจ้าเล่ห์ ส่ายหน้าไปมา

“คิดจะหนีเหรอ?”

“ไม่เชิง”แจ๊คสันตอบตามจริง ใจก็อยากจะหนีอยู่หรอก แต่ก็ไม่รู้จะหนียังไง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหนในเอริบัส “จะหนีก็ไม่รู้ว่าพวกแบมแบมอยู่ไหน ตัวเองอยู่ไหนก็ยังไม่รู้เลย แถมไอ้ด้านนอกก็ยังมีตัวอะไรไม่รู้เต็มไปหมด ฉันออกไปฉันก็ตายดิ”

“แล้วอยู่กับลูซิเฟอร์นี่ไม่กลัวตายเลย?”

หนึ่งคำถามทำเอาแจ็คสันนิ่งไปขณะหนึ่ง

“...ไม่เคยคิดแฮะ...” พึมพำเสียงเบา เลื่อนขึ้นมานั่งดีๆ “เธอคิดว่ามาร์คจะฆ่าฉันไหม?”

“มาถามฉันแล้วฉันจะรู้ไหมล่ะ? ฉันไม่ใช่หมอนั่นซะหน่อย”หญิงสาวเหลือบตาแบะปากเกี่ยงงอน หนีไปจากลูกแก้วทันที แจ็คสันอ้าปากค้างกะพริบตาปริบๆ

“เฮ้ย! ทิ้งระเบิดแล้วไปงี้เลย!

ถอนหายใจเฮือก เก็บลูกแก้วเข้าไปในเสื้อ กำลังจะเอนตัวนอนกลางวันต่อก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อหญิงสาวตะโกนเรียกเขาเสียงดังลั่น ลุกขึ้นมาหยิบออกมาใหม่แทบไม่ทัน

“เรียกทำไมเสียดังเนี่ย!

“จุดอ่อนของลูซิเฟอร์น่ะ ไม่ได้อยู่กับหมอนั่น ฉันบอกได้แค่นี้แหละ”

“ฮะ!

กำลังจะอ้าปากถามต่อหญิงสาวก็หายตัวไปเสียแล้ว ทิ้งให้แจ็คสันนั่งครุ่นคิดเพียงลำพัง






ร่างใหญ่โตสีดำทะมึนสะบัดปีกใหญ่ล่องไปมาบนฟ้ากว้าง ดวงตาคมกริบสีม่วงกวาดตามองพื้นด้านล่างไม่สนใจเจ้าพวกสัตว์ประหลาดน้อยใหญ่ที่วิ่งหาที่หลบกันจ้าละหวั่น เขาหาเพียงสิ่งที่เขาต้องการเท่านั้นแหละ และเมื่อพบปากใหญ่ก็แสยะยิ้ม พุ่งโฉบลงไป แปลงกายเป็นร่างมนุษย์กระโดดลงยืนบนกิ่งไม้ใหญ่แข็งแรง มองผลไม้สีเหลืองห้อยเต็มต้นอย่างพึงพอใจ

“ยิ้มระรื่นเชียวนะท่าน”

ฟึบ!

ปีกขนนกสีดำพุ่งเฉี่ยวแก้มคนมาใหม่เรียกเลือดหยดเล็กไหลลงแก้มสาก แต่คนโดนทำร้ายเพียงแสยะยิ้มจนตาเรียวขึ้นขีดเดียว มาร์คใช้ไอสีดำรอบกายเด็ดผลไม้สีสวยมาเก็บตุนเอาไว้ ไม่สนใจคนที่กระโดดข้ามกิ่งไม้ไปมากวนใจเขาอยู่ตอนนี้แต่อย่างใด

เมื่อเห็นว่าการก่อกวนไม่สำเร็จชายหนุ่มผู้มาใหม่ก็เอนตัวพิงลำต้นบนกิ่งไม้ใหญ่อีกกิ่ง มือเอื้อมเด็ดผลไม้ใกล้ตัวที่สุดมากัดคำใหญ่ เคี้ยวกรวมๆเหลือบตามมองเทวดาตกสวรรค์อย่างลูซิเฟอร์ด้วยแววตาอ่านไม่ออก

“เย็นชาเหมือนเดิมเลยนะนายน่ะ”

“เจ้าก็ชอบยุ่งเหมือนเดิม”

“โถ่ นี่เป็นคำทักทายเพื่อนรึไงครับ ท่านลูซิเฟอร์”

“เบลเซบับ แจบอม ถ้าเจ้าไม่หุบปากฉันจะเอาผลกากียัดปากเจ้า”ดวงตาสีม่วงตวัดมองคู่สนทนาอย่างรำคาญใจ

เบลเซบับ แจบอม ในร่างมนุษย์คือชายหนุ่มร่างสูงโปร่งอายุไม่ห่างจากลูซิเฟอร์ มาร์คมากนัก ใบหน้าคมคร้ามหล่อเหลารับกับเส้นผมสีเงินตัดสั้น ดวงตาเรียวสีเหลืองอำพันฉายแววเจ้าเล่ห์ ดุและเข้าใจยากไว้ด้วยกันอย่างแยกไม่ออก  การแต่งตัวก็คล้ายพวกเพลบอยบนโลกมนุษย์ หูเจาะใส่ทั้งตุ้มหูทั้งจิว แต่จะว่าไปนิสัยเพื่อนเก่าแก่ของมาร์คคนนี้ก็ไม่แตกต่างกับการแต่งตัวนักหรอก แค่มันไม่ไปกินผู้หญิง แต่กินหลานตัวเองแทนก็เท่านั้นเอง...

แจบอมหัวเราะในลำคอไม่ใส่ใจคำขู่เตือนนั้น แถมยังย้อนตอบได้อย่างน่าชื่นชม (?)

“ฉันยัดเองได้น่า ว่าแต่ว่า~ ... มีความสุขจริงนะนาย ไปเจออะไรดีๆเข้าล่ะ?”

“ไม่มีอะไร”มาร์คตอบเสียงเบา ใช้ไอสีดำหอบเอาผลไม้กางปีกมังกรสีดำคู่ใหญ่โตเตรียมตัวบินกลับปราสาท

ดวงตาสีเหลืองอำพันมองปีกใหญ่นั้นอย่างครุ่นคิดบางอย่าง

“จะยึดติดไปไหนกัน นายน่ะ”

มาร์คนิ่งไปชั่วครู่ ดวงตาสีม่วงเหม่อลอยไปในที่แสนไกล เงียบไปจนพอใจแล้วจึงเงยหน้ามองสหายเก่า

“เรื่องของข้า”





ร่างของลูซิเฟรอ์จากไปแล้ว เบลเซบับแจบอมนอนอิงต้นไม้เล่นมองตามร่างนั้นไปแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ไกลจนหายไปจากคลองสายตาแล้วก็ตาม ถอนหายใจเฮือกใหญ่กระโดดลงพื้นหญ้า หันไปมองท้องฟ้าครั้งสุดท้าย เอ่ยพึมพำเสียเบาถึงใครบางคน แม้นว่าใครคนนั้นจะไม่รับรู้ก็ตาม...

“ช่วยมันหน่อยเถอะนะ อะนาตตาเซีย






แจ็คสันสะดุ้งเฮือก เปลือกตาบางเปิดขึ้นกะทันหัน หอบหายใจระรัว ยกมือขึ้นกุมอกใต้เสื้อกล้ามตัวบางรับรู้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่เต้นแรงราวกับจะหลุดออกจากอก สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆปรับสภาพตัวเองช้าๆ

...เขาฝันอีกแล้ว ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว...

ยกมือลูบใบหน้าชื้นเหงื่อเพลียๆ สงสัยจะนอนกลางวันเยอะไป ถึงได้ฝันอะไรเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ ไม่ทันได้ลุกขึ้นนั่งดีๆหรือทำอะไร โซ่ที่ล่ามเข้าไว้กลางห้องก็โดนไอสีดำแกะออก บังคับลากให้เขาลุกเดินออกไปจากห้อง แจ็คสันเดินตามโซ่ไปงงๆ งงยิ่งขึ้นเมื่อโซ่นั้นนำเขาไปที่ห้องนอนของมาร์ค

ปกติมาร์คจะมาแก้โซ่ให้เขาเอง ไม่ใช่ให้ไอพลังมาพาเขามาแบบนี้ หรือหมอนั่นจะมาไม่ได้?

ชะงักขมวดคิ้วมุ่น คิดแปลกใจกับตนเอง

...เป็นห่วง? นายกำลังคิดแบบนั้นกับคนที่ลักพาตัวนายเนี่ยนะ แจ็คสัน!...



ภายในห้องนอนก็ยังกว้างโล่งไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรตกแต่งเหมือนเดิม เตียงหลังใหญ่กลางห้องปรากฏร่างสูงโปร่งนอนหลับตาอยู่ มองๆไปก็เหมือนเจ้าชายนิทรารอใครมาจุมพิตให้ตื่นจากนิทราเหมือนกัน

ไอสีดำพุ่งเข้าสู่ร่างเจ้าของพลัง แน่นอนว่าเชือกกลับไปผูกมัดไว้ที่ข้อมือมาร์คอีกแล้ว ดวงตาสีม่วงปรือลืมขึ้นแต่ไม่มองมาที่เขา

“มานั่งนี่สิ”

“หืม? ผมเหรอ?”

“เจ้านั่นแหละ แจ๊คสัน”

 อวัยวะภายในอกเต้นเร็วขึ้นมาหนึ่งจังหวะ รู้สึกเขินแปลกๆตอนได้ยินมาร์คเรียกชื่อเขาครั้งแรก เดินไปหยุดยืนข้างเตียง มองใบหน้างดงามที่หลับตาลงไปอีกครั้ง ในขณะที่ดวงตากลมลอกแลกไปมาไม่รู้จะไปนั่งตรงไหน สุดท้ายเลยทรุดตัวนั่งลงข้างเตียงไปเสียเลย

“มานั่งบนเตียง”เสียงทุ้มสั่งขึ้นมาอีก ให้คูสิทตัวน้อยบุ้ยปากบ่นในใจว่าไม่ยอมบอกชัดเจนตั้งแต่แรก พยุงกายตัวเองขึ้นมานั่งปล่อยขาบนขอบเตียง เอี้ยวตัวไปมองร่างสูงรอให้มาร์คบอกว่าจะให้ทำอะไรต่อ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีเสียงตอบจากสวรรค์... เอ๊ะ ไม่สิ จากเอริบัส

“มาร์ค”

“เงียบก่อน”

โดนบอกอย่างนั้นก็เงียบไปอีกพักใหญ่ นั่งเตะขาไปมาเล่นรอเวลาต่อไป แต่สงสัยว่างไปหน่อย หางนุ่มเลยส่ายไปมาปัดแขนร่างที่นอนอยู่แบบไม่ตั้งใจ

แจ๊คสันสะดุ้งหันไปมองหางตัวเองที่โดนมือแกร่งจับหมับเข้าให้ ดวงตาสีม่วงมองเขาดุๆ

“เจ้านี่อยู่นิ่งไม่ได้เลยจริง”

“มันว่างนี่”

มาร์คส่ายหน้า ลุกขึ้นพิงร่างกับหัวเตียง กวักมือเรียกร่างเล็กให้เข้ามาใกล้ แจ็คสันก็ทำตามถึงจะออกงงๆก็เถอะ พูดอธิบายอะไรหน่อยก็ดีนะพ่อคุณ!

“เฮ้ย!”ร้องตกใจลั่นห้อง ใช้ข้อศอกยันหลังตัวเองไม่ให้ล้มลงบนพื้นเตียงตามสัญชาติญาณ มองขาซ้ายตัวเองที่โดนกระชากเข้าไปใกล้ตัวร่างสูงจนตอนนี้วางแหมะอยู่บนตักหนา กลืนน้ำลายเอื้อก เกิดความกลัวขึ้นมา

...กูจะโดนฆ่าไหมวะ...

โล่งใจนิดหน่อยตรงที่มาร์คไม่ได้มีท่าทีโกรธเคือง แต่ก็โล่งไม่สุดเมื่อมาร์คขยับมือให้เจ้าพวกลูกสมุนไอสีดำรอบกายบางส่วนให้กลายเป็นสิ่งของอะไรบางอย่าง เทพปีศาจรอคอยอย่างใจเย็น ในขณะมนุษย์ในร่างคูสิทตัวน้อยเริ่มกระวนกระวาย จนกระทั่งรูปร่างของสิ่งนั้นปรากฏขึ้นในสายตาถึงได้เปลี่ยนจากกลัวเป็นงงแทน

...สร้อย?...

แต่ความยาวมันเล็กเกินกว่าจะเป็นสร้อยคอ หรือสร้อยข้อมือ?

สร้อยโซ่สีดำสนิทตรงปลายห้อยจี้ตัวอักษรรูปตัว M ที่ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นชื่อย่อของมาร์คแน่นอนลอยไปวางบนมือมาร์คที่แบมือรอยู่ ร่างสูงมองมันเล็กน้อยก่อนหันมาหาเขา

“นั่นอะไร”

มาร์คไม่ตอบ แต่ดีดนิ้วปลดล็อกโซ่ออกจากปลอกคอหนังของเขา แจ็คสันมองโซ่ที่พันธนาการตัวเองไว้ตลอดหลายวันมานี้อย่างตกใจ หรือมาร์คจะปล่อยเขาแล้ว! ตาโตหันไปมองร่างสูงที่เปลี่ยนเป้าหมายสายตาเป็นข้อเท้าของเขาที่ยังวางอยู่บนตัก แต่กว่าจะรู้ตัวอีกทีสร้อยเงินเส้นนั้นก็มาอยู่บนข้อเท้าเขาเสียแล้ว






“อย่าคิดจะหนี เพราะต่อให้เจ้าหนีไปทาทารัส ข้าก็จะตามเจ้ากลับมา”








จำไว้... เจ้าเป็นของข้า แจ็คสัน”



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*