REAL LOVE & NUMBER 7 THE SERIES : 7 MOUNT
TITLE:
REAL LOVE & NUMBER 7 THE SERIES : 7 MOUNT
COUPLE:
CHANSUNG x JUNHO [CHANNUNEO]
RATE:
PG-15
WORD:
4,185
BY:
Silverfeather29 /@silverfeather29/
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
……. 7 MOUNT …….
……. REAL LOVE
THE SERIES …….
(CHANSUNG+JUNHO)
‘รักแท้’ กับ ช่วงเวลาเลข 7
อย่ามั่นใจว่าคนที่พบเป็น
‘แฟน’ หากยังไม่ผ่าน 7 เดือน
***Junho’Part***
ติ๊ก...ติ๊ก...กริ๊งงงงงงงงงงงงง~~~~~~
เสียงสั่นประสาทของนาฬิกาปลุกเรียกให้สติที่หลุดลอยอยู่ในความฝันของใครบางคนโดนฉุดกลับมาในโลกความเป็นจริง
“โอย~”เสียงครางอย่างเกียจคร้านดังออกมาจากกองผ้าห่มหนา
ปล่อยให้เครื่องจักรบอกเวลาส่งเสียงสั่นประสาทต่อไปสักพัก
ก่อนจะถูกผ้าห่มหนาตวัดตกปุกลงไปบนพื้นพรมนุ่ม
ร่างในชุดเสื้อยืดขาวอ้าปากหาวกว้าง
ดวงตาเรียวรียิ่งตอนตื่นนอนใหม่ๆยิ่งเหลือแค่ขีดเดียวเหลือบมองนาฬิกาบนพื้นที่เข็มนาฬิกาบอกเวลาอย่างเที่ยงตรง
...เจ็ดโมงครึ่ง...
………………………..
.............................................
“เฮ้ย!”ดวงตาเรียวเบิกกว้าง ขาเรียวสะบัดผ้าห่มหนาออกจากตัว
มือคว้าเอาผ้าเช็ดบนเก้าอี้วิ่งฉิวเข้าไปในห้องน้ำอย่างเร่งรีบ “สายแล้ว! สายแล้ว!”
“นายนี่ดวงดีชะมัด”โจวควอนเอ่ยหน้าตายขณะที่เขากำลังหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ของตัวเอง
ถอดกระเป๋าไปเกี่ยวเก็บหลังเก้าอี้เสร็จแล้วจึงหันมาถาม
“อะไร”
“นายมาสายก็จริง
แต่คาบนี้เจ๊โหดแกติดราชการมาไม่ได้ว่ะ โชคดีป่ะล่ะ ไม่งั้นป่านนี้ได้ไปยืนหน้าห้องประกาศศักดาชื่อ
อี
จุนโฮแล้วล่ะ”แจกแจงความโชคดีของเพื่อนด้วยเสียงราบเรียบพลางส่งสายตากวนประสาทมาให้
“จริงดิ”
“จะโกหกเพื่อ
อ่านหนังสือออกไม่ใช่เรอะ โน่น บนกระดานโน่น”พูดเสร็จก็ฟุบหลับต่อไป
...เมื่อคืนมันไปอดหลับอดนอนที่ไหนมา...จุนโฮคิดในใจอย่างเอือมๆ
อ่านข้อความบนกระดานก็จริงอย่างที่เพื่อนตัวเล็กข้างตัวว่า
คนในห้องจับกลุ่มพูดคุยกันสนุกสนาน
หลังห้องมีวงเล็กๆจับกลุ่มกันทบทวนวิชาคณิตศาสตร์ด้วยการ์ดอย่างออกรสชาติ
พวกผู้หญิงก็ซุบซิบนินทาพูดเรื่องผู้ชายกันสนุกปาก หนังสงหนังสืออย่าพูดถึง
ห้องเกือบบ๊วยชั้นไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้อยู่แล้วล่ะ ถึงจะ ม.6 แล้วก็เถอะ...
“เฮ้ จุนโฮ
นายสมัครมอเอ็มยัง?”
“ไม่อ่ะ
ยังไงก็สอบไม่ได้ ไม่รู้จะสมัครให้เสียตังค์ทำไม”เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
หยิบเอาหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา
“เฮ้
แต่นายอยากเข้าไม่ใช่เรอะ ไม่ลองเสี่ยงดูอ่ะ”
“ไม่ล่ะ
ไม่ได้ก็ไม่ได้สิ”ตอบพลางส่ายหน้า คนถามเลยไม่ซักต่อ
“เออๆ
ตามใจนาย”
…ไม่ใช่ไม่อยากเรียนหรอก
แต่สมองมันไม่ถึง ยังไงมันก็ไม่ได้ จะดิ้นรนเสียเงินไปเพื่ออะไรล่ะ...
เมื่อพักเที่ยงมาถึง
จุนโฮก็รีบซัดแซนวิสทูน่าลงกระเพาะ แล้ววิ่งหอบเอาหนังสือไปคืนห้องสมุด
เพราะถ้าช้าก็ต้องรอบรรณารักษ์กินข้าวเที่ยงเสร็จซึ่งกว่าจะกินเสร็จ
เวลาเรียนคาบบ่ายก็เริ่มแล้ว แต่คงรีบไปหน่อย
ไม่ทันได้มองทางก็ชนกับใครบางคนที่เดินสวนมาจนล้มก้นจ้ำเบ้าเต็มๆ
“โอ๊ย!”
“เฮ้
นายไม่เป็นไรนะ เราขอโทษ”
“อ่าๆ
ไม่เป็นไรๆ เราผิดเอง”พูดไปงั้นแหล่ะ ในใจคือเหวี่ยงแทบตาย คนยิ่งรีบๆอยู่ ปั๊ดโถ่!
ใครคนนั้นก้มลงเก็บหนังสือคืนให้ร่างเล็กที่ค่อยพยุงตัวลุกขึ้น
รู้สึกหน่วงๆแสบๆแถวบั้นท้าย สงสัยล้มแรงไปหน่อย มือเรียวยื่นไปขอหนังสือคืนจากใครคนนั้นที่รีรอไม่ยื่นมาให้เขาสักที
“นายจะสอบเข้ามอเอ็มเหรอ”แทนที่จะส่งหนังสือมาให้
ใครคนนั้นกลับส่งคำถามมาให้ จุนโฮขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
มาชนเขาไม่พอยังมาถามนั่นนี่น่ารำคาญ
เงยหน้าจะไปเหวี่ยงแต่พอเจอใบหน้าคู่กรณีก็หุบปากฉับ
ใบหน้าคมคายภายใต้กรอบแว่นโตเทอะทะ
ดวงตาที่มักหรี่ชวนง่วงตลอดเวลา แต่งตัวถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนี้ ...ฮวาง
ชานซอง... เด็กห้องเรียนพิเศษที่สอบได้ที่ 1 ของชั้นนี่หว่า
...แค่เห็นหน้าก็ไม่ถูกชะตา...ยอมรับว่าไม่ค่อยมีเหตุผล
แต่ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ เขาไม่ชอบเด็กเนิร์ดเรียนเก่งอย่างคนตรงหน้าที่ห้องเกือบบ๊วยอย่างเขาโดนเอาไปเปรียบเทียบตลอดๆ
“ไม่เกี่ยวกับนาย
ขอหนังสือคืนด้วย”เขาเอ่ย ชานซองก็ส่งมาให้โดยดี
เมื่อได้หนังสือคืนก็รีบก้าวฉับๆเดินผ่านหน้าร่างสูงไปแบบไม่แลตามอง
คาบสุดท้ายของวันจบแล้ว
อี จุนโฮรีบยัดๆสารพัดการบ้านลงกระเป๋าเพื่อรีบกลับบ้านตามปกติ
แต่แล้วห้องทั้งห้องก็เงียบผิดปกติจนเขาต้องเงยหน้าขึ้นมามองหาต้นเหตุความผิดปกตินั้น
แล้วก็เจอ...ตรงหน้าเขาเลยนี่ล่ะ
“ฉันอยากเข้ามอเอ็มเหมือนกัน...”เสียงทุ้มเอ่ยแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
อีจุนโฮกระพริบตามองคนที่ได้ที่หนึ่งชั้นแบบงงๆ
“แล้วนายมาบอกฉันทำไม”
“นายอยากมาติวกับฉันไหม”จบคำเสียงฮือฮาในห้องก็ตามมา
“ฮะ?
ทำไมนายไม่ไปติวกับเพื่อนนาย จะมาติวกับฉันเนี่ยนะ ขอโทษนะพ่อคนเก่ง
ฉันมันเด็กห้องบ๊วยช่วยอะไรนายไม่ได้หรอก”
“แต่ฉันอยากติวกับนาย...”ประโยคเดียวทำเอาเพื่อนในห้องฮือฮาหนักกว่าเดิม
แถมมีเสียงผิวปากแซวมาด้วย ทำเอาใบหน้าเล็กร้อนขึ้นมาดื้อๆ
พอสบตาใต้กรอบแว่นนั้นก็พูดอะไรไม่ออก จะจ้องไปไหน ทำตัวไม่ถูกเฟ้ย!
“นะ...”
...อย่ามา
เนอะนะ ไอ้บ้า!....
“เออๆ
พอใจรึยัง จะมาเสียใจทีหลังไม่ได้นะ”ทนแรงกดดันไม่ไหวตอบรับไปส่งๆ
แต่ร่างสูงที่นิ่งมาจนเมื่อกี้กลับยกยิ้มกว้างอย่างพอใจ จุนโฮมองรอยยิ้มนั้นอึ้งๆ
...ยิ้มสวยชะมัด...เฮ้ย! เมื่อกี้คิดอะไรแปลกๆวะ จุนโฮ...
“ขอบคุณนะ
จุนโฮ”
...ตอนนั้นไม่ได้ฉุกคิดสักนิดว่าทำไมชานซองถึงรู้จักชื่อเขาได้...
“เฮ้ จุนโฮ
ไปกินเส้นเล็กเฮียติ๋มกันเหอะ”โจควอนชวนหลังอาจารย์เดินออกไปจากห้อง
คนในห้องทยอยเดินออกไปพักเที่ยง จุนโฮส่ายหน้าปฏิเสธ ยังไม่ทันจะพูดอะไร
เจ้าเพื่อนตัวดีก็เอ่ยปากแซวมาจนได้
“เออลืมไป
นายมีนัดสำคัญทุกเที่ยงนี่นะ”
ตาเรียวตวัดมองอย่างเหวี่ยงๆ
จัดหนังสือในมือให้เรียบร้อย “เงียบไปเลย
ถ้าฉันไม่ไปเดี๋ยวเจ้านั่นก็มาตามถึงห้องอีก ขี้เกียจพูดด้วย
“ขี้เกียจพูดก็ทำแทนเลยสิ
ฮะๆๆๆ”
“โอ๊ย~ หยุดแซวฉันกับหมอนั่นสักที!
มันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหล่ะ”
“เออๆ
เชื่อก็ได้”
จุนโฮขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงอีก
เดินออกมาจากห้อง มุ่งตรงไปยังสวนเล็กๆหลังแปลงเกษตรที่ชานซองบอกว่าบังเอิญเจอตอนเจ้าตัวหาที่เงียบๆอ่านหนังสือ
สวนตรงนั้นเป็นสวนโล่งๆมีไม้พุ่มตีกรอบเอาไว้เหมือนเป็นห้องส่วนตัว
แถมตอนเที่ยงเงาต้นไม้ใหญ่ก็ยังปกคลุมพื้นที่ตรงนั้นทำให้บรรยากาศเย็นสบายเหมาะแก่การอ่าหนังสือเป็นอย่างยิ่ง
ร่างเล็กเดินเอื่อยไปตามทางเดินที่คนไม่พลุกพล่านมากนักเพราะไม่ใช่ทางไปโรงอาหาร
ปากก็ดูดนมรสสตอเบอร์รี่จนหมดกล่องแล้วก็โยนทิ้งถังขยะแถวนั้น
ตั้งใจจะไปงีบตรงที่นัดติวกับชานซองก็เลยมาก่อนเวลานัดนิดหน่อย แต่พอมาถึงก็เจอคนตัวสูงนั่งอ่านหนังสือรอยู่แล้ว
ขาเรียวชะงักนิดหน่อย ก่อนเอ่ยถาม
“นี่นายมาตอนไหนเนี่ย?”
“อ้าว จุนโฮ
คาบก่อนเที่ยงอาจารย์สอบเก็บคะแนนแล้วปล่อยเร็วน่ะ”เสียงทุ้มตอบกลับมายิ้มๆ
จุนโฮอยากบอกเหลือเกินว่าเลิกทำหน้าเหมือนเด็กปัญญาอ่อนอย่างนั้นเสียทีเถอะ
แต่ก็นั่นแหล่ะ...บอกไปชานซองก็ทำไม่ได้เหมือนเดิม
“แล้วนี่จะติวเลยเหรอ?
ฉันง่วงจะแย่ นายอ่านหนังสือไปก่อนก็แล้วกันนะ ฉันของีบก่อน
ถึงเวลาที่นัดไว้ก็ปลุกด้วย”ร่างเล็กเอ่ยติดๆกันเป็นขบวนรถไฟ
แล้วทิ้งตัวนอนบนหญ้านุ่ม ใช้หนังสือเล่มใหญ่แทนหมอน ไม่สนใจว่าชานซองจะตอบว่าอย่างไรด้วยซ้ำ
ตาเรียวปิดลงเข้าสู่นิทราทันที
“ถ้าจะพูดขนาดนี้
อย่าถามคำถามแรกดีกว่านะจุนโฮ”ร่างสูงส่ายหน้ายิ้มๆ
มองใบหน้าเล็กที่นอนหลับพักผ่อนด้วยความเอ็นดู
ก่อนที่รอยยิ้มที่จุนโฮชอบบอกว่าเหมือนเด็กปัญญาอ่อนจะหุบลง
“แต่ไว้ใจคนง่ายขนาดนี้ฉันก็แย่น่ะสิ”
“นายจะเสียใจนะ
จุนโฮของฉัน”
หลังจากนั้นมาจุนโฮกับชานซองก็นัดติวตอนเที่ยงมาตลอดสามเดือนแล้ว
คะแนนสอบของจุนโฮดีขึ้นผิดหูผิดตาจนอาจารย์ต้องมาถามไถ่ พอรู้ว่าชานซองติวให้ก็ชมพ่อคนตัวโตใหญ่
นี่อาจารย์ไม่คิดว่าเป็นเพราะเขาขยันขึ้นหน่อยเรอะ!
“แล้วนี่นะ
อาจารย์ล่ะชมนายใหญ่อย่างนั้นอย่างนี้ ชานซองมีเทคนิคดี ชานซองเรียนเก่ง เออออ
แล้วถ้าฉันไม่ขยันหรือทบทวนเองตอนเย็น
ฉันจะทำได้ขนาดนี้ไหมเถอะ”เสียงเล็กร่ายยาวบ่นให้คนตัวสูงฟังขณะที่พวกเขานั่งพิงหลังกันอ่านหนังสือในสวนที่เดิม
“อาจารย์เขารู้น่า
แล้วคะแนนวิชาคณิตล่ะ เป็นยังไง”
“อ้อ
วิชานั้นนะ ข้อ...”แล้วร่างเล็กก็พล่ามแบบน้ำไหลไฟดับต่อ
แต่เพราะทั้งสองอิงหลังกันอยู่
ร่างเล็กเลยไม่รู้ร่างสูงกำลังอมยิ้มอย่างมีความสุขขนาดไหน...
“มาแล้วๆ”ร่างเล็กวิ่งพรวดพราวเข้ามาในสวน
ชานซองเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนขมวดคิ้ว
ห้าเดือนมานี้จุนโฮมาหาเขาพร้อมด้วยกล่องนมกล่องเดียว
ตอนแรกก็เข้าใจว่ากินข้าวก่อนมาอยู่หรอก
แต่พอถามจริงๆก็พบว่าคนตัวเล็กกินแต่นมกล่องเดียวทุกวัน
...อย่างนี้ก็แย่สิ...
“กินแค่นมอีกแล้วเหรอ”เขาเอ่ย
สายตามองไปที่นมกล่องรสดั้งเดิมในมือจุนโฮ
“หืม ก็ใช่ไง
แค่นี้ก็อิ่มแล้ว”ยักไหล่ไม่ยี่หระนั่งลงบนพื้นหญ้าข้างชานซอง
แต่จู่ๆมือใหญ่ก็ยื่นกล่องข้าวสีเหลืองอ๋อยที่เขาเคยเห็นเด็กอนุบาลพกมาโรงเรียนมาตรงหน้าเขา
ตาเรียวกระพริบปริบๆมองกล่องข้าวสลับกับคนตัวสูงอย่างต้องการถามว่า...มันคืออะไร...
“เอาไปกินสิ
วันนี้เพื่อนฉันเลี้ยงข้าวเที่ยง กล่องนี้เลยเหลือ”
“ไม่เป็นไรน่า
นายก็กินอีกสิ จะเป็นไรไป”
“ฉันให้
นายก็กินเถอะน่า ข้าวเที่ยงไม่กินถึงได้ตัวเล็กขนาดนี้ไง”
“เฮ้! ฉันไม่ได้ตัวเล็กนะ ฉันผู้ชายมาตรฐาน นายต่างหากที่เกินมาตรฐานน่ะ”คนตัวเล็กขู่ฟอดๆเหมือนแมว
“ครับๆ
คุณผู้ชายมาตรฐาน เอาไปสักที เมื่อยมือ”ชานซองเอ่ยเร่ง
“เออก็ได้
เอามาสิ ฉันจะกินให้เรียบเลย ยังไงก็ของฟรี”
“สามสิบ”
“ไอ้บ้า
ไม่จ่ายโว้ย!”
แล้วเสียงโต้เถียงหยอกล้อก็ดังขึ้นเหมือนทุกๆวันในสวนที่เป็นเหมือนสถานที่ลับของเขาทั้งสอง
“ไม่จ่ายก็ไม่จ่าย
งั้นฉันขอนี่แทนแล้วกัน”
“ขออะร...”
พลันริมฝีปากนิ่มก็รับรู้ถึงความร้อนของริมฝีปากอีกคู่ที่จรดลงมาอย่างอ่อนโยน
ตาเรียวนิ่งอึ้งมองดวงตาคมภายใต้แว่นเลนส์ใสที่จ้องตรงมาค้าง ดวงตาคมเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกบางอย่างจนใจสั่น
มันเป็นสัมผัสแผ่วเบา ไม่มีการรุกล้ำ ไม่มีการร้องขอ
มีเพียงความรู้สึกอบอุ่นที่ส่งผ่านการสัมผัสผ่านริมฝีปาก
ไม่รู้นานเท่าไหร่กว่าที่ชานซองจะถอนริมฝีปากออก รู้แต่ตอนนั้นจุนโฮก็เรียกสติกลับมาลุกขึ้นจะวิ่งหนี
แต่ข้อมือบางถูกรั้งเอาไว้ให้ร่างทั้งร่างจมลงไปในอ้อมกอดแกร่งที่รออยู่แล้ว
“นายรู้ใช่ไหมว่าฉันรู้สึกยังไงกับนาย
นายไม่ต้องตอบฉันตอนนี้ก็ได้ แต่ได้โปรด ...อย่าเกลียดฉัน...”
เอ่ยจบก็ปล่อยร่างเล็กออก
จุนโฮที่ตอนนั้นสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลือกที่จะวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นและเลือกที่จะไม่หันไปมองคนที่ตัวเองวิ่งหนีมาอีกเลย...
หลังจากนั้นสองเดือนจุนโฮก็ไม่ได้ไปหาชานซองอีกเลย
ชานซองเองก็ไม่ได้มาหาจุนโฮเหมือนกัน ผลการสอบของมอเอ็มออกมาแล้ว จุนโฮสอบเข้าได้คณะนิเทศศาสตร์ตามที่ตนใฝ่ฝัน
เช่นเดียวกับชานซองที่สอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ได้เหมือนกัน แต่กระนั้นร่างเล็กก็ดูซึมและเงียบไปจนคนรอบตัวสัมผัสได้แต่ไม่ได้ถามอะไรออกไปเพราะกลัวจะเป็นการถามอะไรที่มันกระทบกระเทือนจิตใจจุนโฮอีก
“นี่ๆ
ได้ยินข่าวรึเปล่าว่า ยัยยางแทกำลังจะไปสารภาพรักกับชานซองล่ะ
ไม่รู้ว่าไปชอบหมอนั่นได้ยังไง
เนิร์ดจัดขนาดนั้น”เสียงซุบซิบนินทาของผู้หญิงในห้อง
ทำให้จุนโฮลุกขึ้นรีบวิ่งไปยังที่ๆเขาเดาว่าน่าจะเจอชานซอง ไม่รู้ว่าจะรีบไปทำไม
แต่ที่แน่ๆตอนนี้ในอกเขาร้อนไปหมด รู้สึกใจสั่นอย่างประหลาดเมื่อรู้ว่าคนตัวโตคนนั้นอาจจะกลายเป็นของใคร
แล้วอาจจะไม่สนใจเขาเหมือนเดิม
แล้วเขาก็เจอชานซอง...
ในสวนของพวกเขา...
สวนที่เคยมีแต่เรา...
...และผู้หญิงคนนั้นกำลังจูบชานซอง...
เหมือนโดนค้อนปอนด์ตีแรงๆมึนงงไปหมด
ขอบตาร้อนผ่าวปล่อยหยดน้ำกลมกลิ้งไหลลงมาตามร่องแก้ม
พยายามดึงสติกลับมาดึงสายตาออกจากภาพนั้นแล้วหันหลังกลับวิ่งโดยไม่คิดชีวิต...
...เจ็บเหลือเกิน...
...นี่ชานซอง...ฉันโง่ใช่ไหมที่รู้ตัวในวันที่สาย...
***Chansung’Part***
ผมรีบผลักเด็กสาวออกอย่างแผ่วเบาเพราะความเกรงใจ
จู่ๆผู้หญิงคนนี้ก็มาสารภาพรักและจูบผม
ผมไม่รู้ว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าผมชอบมาอยู่ตรงนี้ตอนกลางวันแต่ตอนนี้ผมต้องบอกเธอก่อนสินะ
“ขอโทษนะครับ
ผมมีคนที่ผมรักแล้ว ผมคงรับคำขอร้องของคุณไว้ไม่ได้”ตอบกลับไปอย่างสุภาพแต่ยังไงความหมายก็คือการหักอกอยู่ดีนั่นแหล่ะ
เธอร้องไห้ฟูมฟายแต่ก็จากไปแต่โดยดี ผมรู้สึกผิดนะแต่จะทำยังไงได้
ผมรักเธอไม่ได้จริงๆนี่นา
ผมมองสวนที่แสนคุ้นเคยในความทรงจำตลอดหกเดือนที่ผ่านมาก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
ผมมารอที่นี่ทุกวัน หวังเพียงคนตัวเล็กที่ผมทำให้เตลิดไปในวันนั้นจะกลับมาที่นี่
...แต่เขาก็ไม่มา...
ผมก้าวออกไปจากสวนด้วยใจที่ห่อเหี่ยว
เดินขึ้นไปบนอาคารเรียนที่เกิดความวุ่นวายผิดปกติ ผมชะงักเท้า เมื่อเห็นกลุ่มคนสองสามคนพยายามล็อกตัวใครคนหนึ่งที่โวยวายอยู่หน้าห้องเรียนผม
“ไอ้บ้านั่นอยู่
ฮวาง ชานซองอยู่ไหน มันทำอะไรเพื่อนฉัน”
“ใจเย็นควอนใจเย็น”
...ผมเหรอ?...
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
ผมเดินเข้าไป
คนที่ชื่อโจวควอนที่ผมจำได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทจุนโฮหันมามองผม
ก่อนวินาทีต่อมาผมจะล้มลงไปพื้นเพราะโจควอนพุ่งมาต่อยผมเต็มๆ
“นายทำอะไรเพื่อนฉัน! จุนโฮวิ่งไปหานายแต่เขาวิ่งกลับมาพร้อมน้ำตา เพราะนายใช้ไหม นายใช่ไหม!”
...จุนโฮ?
ร้องไห้?...สองคำที่ทำให้ผมนิ่งปล่อยให้โจวควอนทึ้งคอเสื้อผมไปมาด้วยความโกรธ
สมองหยุดคิดไปชั่วขณะ ไม่สนแม้กระทั่งความปวดร้าวตรงข้างแก้ม
...จุนโฮร้องไห้เพราะผมเหรอ?...
“ควอนใจเย็นหน่อย”ผู้ชายสามสี่คนวิ่งมาจับตัวคนที่พยายามประทุษร้ายผมออกไป
ผมยันตัวขึ้นแล้วหันหลังวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที ได้ยินเสียงแหลมๆร้องโวยวายตามมาแต่ผมไม่สนอะไรทั้งนั้นแหล่ะ
สิ่งที่ผมห่วงตอนนี้คือจุนโฮต่างหาก เขาเห็นหรอ? เขารู้ได้ยังไง?
เขาเข้าใจผิดเพราะเรื่องนั้นรึเปล่า? คำถามมากมายเวียนกันอยู่ในหัว
ผมควบจักรยานคันโปรดปั่นออกไปจากโรงเรียน
จะหนีเรียน เสียประวัตินักเรียนดีเด่นก็ไม่สนแล้ว
มันก็แค่ชื่อเสียงเกียรติยศจอมปลอม แต่ตอนนี้จุนโฮสำคัญกว่า
ปั่นไปสักพักก็เริ่มไม่ทันใจ
บ้านจุนโฮอยู่ไกลจากโรงเรียนมาก ปั่นไปคงถึงเย็นนู่น
ควักโทรศัพท์ต่อสายอย่างเร่งรีบ
“พี่อูยองมารับผมหน่อย
ผมจะไปง้อว่าที่แฟน”
...
ยืนรอไม่นานรถสปอร์ตสีเหลืองอ๋อยสะดุดตาก็จอดตรงหน้าผมพอดีเป๊ะ
กระจกรถเลื่อนลงเผยให้เห็นคนข้างใน
...แต่งตัวเท่ขนาดนี้จะไปเดตกับพี่มินจุนล่ะสิ...
“รีบขึ้นมาสิ
ไหนบอกว่ารีบ บอกทางด้วยล่ะ”
“ครับๆ”
บ้านของจุนโฮเป็นบ้านสองชั้นขนาดกะทัดรัด
บริเวณบ้านจัดสวนร่มรื่นสบาย ผมรีบก้าวลงจากรถพี่อูยอง
กดกริ่งบ้านรัวๆใจก็ภาวนาว่าให้จุนโฮเปิดทีเถอะ...
ไม่นานประตูก็เปิดออก
“ครับ
ใครครับ...”เสียงเล็กเงียบไปเมื่อเห็นว่าใครมา
มือบางรีบปิดประตูกลับแต่ผมคว้าบานประตูไว้ทันแล้วถือวิสาสะแทรกตัวเข้าไปในบ้าน
“ใครให้นายเข้ามา
ออกไปสิ ออกไป”ร่างเล็กเริ่มเปิดปากโวยวายกลบเกลื่อน แต่ขอบตาแดงช้ำและร่องรอยคราบน้ำตาบนแก้มอิ่มมันทำเอาผมใจสั่น
...นี่ผมทำให้จุนโฮร้องไห้เหรอ?...
“จุนโฮ
ฟังฉันก่อน”
“จะให้ฟังอะไร
จะบอกว่านายมีแฟนแล้วงั้นสิ มาบอกทำไม ไม่อยากรู้”
“พูดเองเออเองอีกแล้วนะ”
“พูดเองเออเองอะไรของนาย
ฉันเห็นนายจูบแฟนนายตำตา บอกฉันพูดเองเหรอฮะ? ไอ้คนบ้า
ไอ้คนหลอกลวง”จุนโฮโวยวายเสียดัง มือบางตีแขนผมไม่ยั้ง
ตาเรียวเริ่มปริ่มน้ำขึ้นมาอีกแล้ว ผมรัดคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอดแน่น
จุนโฮพยายามดิ้นแต่เมื่อไม่ได้ผลเขาก็หยุดนิ่งและเริ่มร้องไห้หนัก
“ฮึก
ฮือ”ความเปียกชื้นตรงอกทำให้ต้องขยับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นไปอีกโยกตัวอีกฝ่ายเบาๆเหมือนปลอบประโลมเด็กเล็ก
นานหลายนาทีกว่าที่คนในอ้อมกอดจะหยุดร้อง
“ฟังฉันได้แล้วใช่ไหม?”
จุนโฮไม่ตอบ
ไม่แม้แต่จะมองหน้าผม มีแต่มือบางที่จับชายเสื้อผมไว้แน่น
“ฉันไม่ได้ตกลงคบกับผู้หญิงคนนั้น
เขามาบอกรักและจูบฉัน แต่ฉันบอกกับเขาว่าฉันมีคนที่ฉันรักอยู่แล้ว”
“นายก็ไปหาคนที่นายรักสิ”คนในอ้อมกอดบ่นงึมงำ
ใบหูเล็กเริ่มแดง
“ฉันมาหาแล้วไง...คนที่ฉันกำลังกอด...อยู่ตอนนี้”ชานซองผละคนตัวเล็กออกให้มาสบตากัน
ใบหน้าเล็กแดงจัดน่าเอ็นดู ดวงตาเรียวจ้องตรงมาอย่างเก้อเขิน ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น
“ฉันรักนาย อี
จุนโฮ”
“...”
“จุนโฮ?”
“ทำไมนายบอกว่ารักฉัน
อะไรทำให้นายรักฉัน”ร่างเล็กถามจริงจัง ดวงตาเรียวมองสบตาเขาอย่างต้องการคำตอบ
ร่างสูงยิ้มให้โชว์นิ้วเจ็ดนิ้วแล้วเอ่ย
“7
เดือนที่ฉันเอาแต่มองหานาย...”
มันเป็นช่วงเวลาพักเบรกในวันอังคาร
แดดอบอุ่นกำลังพอดี ชานซองนั่งท้าวคางเหม่อลอยมองขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้าง
เสียงหัวเราะสดใสดึงความสนใจเขาให้หันมาดูกลุ่มคนที่กำลังวิ่งหยอกล้อกันบนทางเดิน
หนึ่งในนั้นหยุดและหันมาสบตา ...เพียงชั่วครู่และผ่านเลย... แต่ใบหน้าและดวงตานั้นช่างติดตาจนขนาดเอาเก็บไปฝัน
นั่นทำให้เขารู้ว่าตัวเอง ตกหลุมรักอีจุนโฮไปเสียแล้ว
...แต่ว่ากันว่าหากยังไม่ถึง
7 เดือน อย่าเชื่อว่านั่นคือความรัก...
“นายรักฉันไหม”
“...เจ็ดเดือน...”
“หืม...”ชานซองได้ยินไม่ชัด
ก้มลงไปใกล้ริมฝีปากเล็ก
“ลองคบกันไปเจ็ดเดือน
วันครบรอบเจ็ดเดือน...ฉันจะให้คำตอบนาย”จุนโฮตอบไปแก้มแดงไป
ชานซองมองปฏิกิริยาน่าเอ็นดูนั่นแล้วหัวเราะในลำคอ
“ขอบคุณนะจุนโฮ...”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
คนตัวสูงกระชับอ้อมแขนดึงร่างเล็กเข้ามากอดแน่นอีกครั้ง
“...แต่เจ็ดเดือนนี่นานชะมัด”
“ตามใจนายสิ
ไม่ได้บอกให้รอสักหน่อย”ร่างเล็กบ่นงุ้งงิ้ง
“รออยู่แล้วน่า
นานขนาดไหนก็รอ ก็ฉันรักนายแล้วนี่นา”ร่างสูงเอ่ยกลั้วหัวเราะ
แล้วมอบจุมพิตหวานลึกซึ้งให้คนในอ้อมแขนยาวนาน...
...เหมือนช่วงเวลาที่เขาใช้ทำให้
‘รัก’ อีจุนโฮ...
--- Special ---
“ทำไมนายต้องใส่แว่นด้วยนะ
มันน่ารำคาญออก”จุนโฮบ่นขณะที่นอนหนุนตักชานซองดูหนังเรื่องโปรดในห้องนั่งเล่นของบ้านจุนโฮอย่างสบายใจ
ตอนนี้พวกเขาเหลือเพียงเรียนอีกสองสัปดาห์และสอบปลายภาคก็จะจบชั้นมัธยมปลาย
ทั้งสองเลือกที่จะจองหอในมหาวิทยาลัยเพราะสะดวกในการเดินทาง
แน่นอนว่าอยู่ด้วยกันสองคน
ใบหน้าคมก้มลงมาเลิกคิ้วแปลกใจ
“นูนอไม่ชอบเหรอ? ที่จริงฉันไม่ได้สายตาสั้นมากหรอก ไม่ใส่ก็ได้
ที่ฉันใส่เพราะมันมองกระดานในห้องไม่ค่อยชัดน่ะ”
“งั้นถอดได้ไหม
หมายถึงไม่ต้องใส่ไปเรียนน่ะ ใส่แว่นแล้วเดินหลังค่อมๆ
มันทำให้บุคลิกภาพนายดูแย่นะ”จุนโฮเตือน
มีแฟนทั้งทีก็อยากให้แฟนตัวเองดูดีบ้างแหล่ะ แต่ถึงชานซองจะเนิร์ดขนาดไหน
เขาก็ชอบอยู่ดี ก็รักไปแล้วนี่นะ...(ยักไหล่)
“ถ้านูนอขอ
ชานจะไม่ใส่ก็ได้”ร่างสูงเอ่ยยิ้มๆแล้วหันไปสนใจหนังต่อ
วันจันทร์ต่อมา
จุนโฮมาถึงห้องตามปกติ
แต่รู้สึกเหมือนวันนี้สาวๆในโรงเรียนจะกรี๊ดกร๊าดตื่นเต้นกันเป็นพิเศษ ต้องรีบไปถามโจวควอนอย่างไว
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ”
“นี่จุนโฮ
นายบอกให้แฟนนายใส่แว่นเหมือนเดิมดีกว่านะ”โจวควอนไม่ได้ตอบคำถามแต่เอ่ยกับจุนโฮด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
“ถ้าไม่อยากวุ่นวาย คอยกำจัดปลิง”
“ฮะ?”
“นูนอ
เค้าเอาหนังสือมาให้”เสียงทุ้มของชานซองดังมาจากหน้าห้องเป็นปกติ
แต่ที่ไม่ปกติคงเป็นเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆด้านนอกนั่นมากกว่า
ร่างเล็กรีบเดินไปหาแฟนตัวเองก่อนที่จะชะงักกึกมองภาพตรงหน้าตาค้าง
ใบหน้าคมคายหล่อเหลา
ริมฝีปากหยักอิ่ม ดวงตาโตคมมีเสน่ห์ จมูกโด่งเป็นสัน
รูปร่างสูงสมส่วนแม้อยู่ในชุดนักเรียนก็ยังน่ามอง แถมวันนี้ยังเซตผมมาซะเท่
คาริสม่ารุนแรงจนสาวๆต้องมาห้อมล้อมกรี๊ดกร๊าด โครตไม่แปลกใจว่าทำไมวันนี้มันดูวุ่นวายผิดปกติ
...เขาบอกให้ถอดแว่น
ไม่ใช่แต่งหล่อโปรยเสน่ห์แบบนี้สักหน่อย!...
“ชาน
วันนี้ใครแต่งตัวให้นาย”
“เอ๋ อ้อ
พี่มินจุนน่ะ ทำไมเหรอ?”
“กลับไปใส่แว่นเดี๋ยวนี้!!!”
...แล้วรักก็ดำเนินต่อไป...
เขียนไว้นานมากกกกกก
แต่ไม่เอาลงสักทีเพราะอีกสองตอนยังไม่แต่ง...ตอนนี้ก็ยังไม่แต่ง 5555555555555
มันเป็นเดอะซีรีย์เพราะฉะนั้นจะมีคู่ต่อจากนี้นะคะ
คือ 7 ปี กับ 17 ปี (สถานะ : ยังไม่แต่ง) ดองยาววววว
ไม่ต้องงนะคะ คนเขียนคนนี้จะหายไปนานๆหน่อย คือ กำลังจัดค่ายค่ะ วุ่นวายสุด เอาเป็นว่าแสดงความคิดเห็นหน่อยน้า
อยากอ่านคู่ไหนอะไรยังไง บอกได้ค่ะ คิคิ เจอกันหลังนักเขียนสอบเสร็จ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น