[EREBUS] Intro

INTRO


เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมาในห้องเช้าโทรมๆห้องเดิม โครงร่างสี่เหลี่ยมของดินปูนสีขาวเทามีคราบน้ำฝนไหลเปื้อนเปรอะทั้งสี่ด้าน ขนาดห้องเล็กขนาดลุกขึ้นเดินไปห้าก้าวก็ติดผนังอีกด้านแล้ว ภายในห้องมีเพียงฟูกนอนอมฝุ่น หมอนหนึ่งใบ ผ้าห่มบางๆอีกหนึ่งผืน กาต้มน้ำ มาม่าสองซองและกองเสื้อผ้ากองใหญ่ สภาพห้องไม่เหมาะกับการอาศัยอยู่ของคนเลยสักนิด แต่ที่นี่ก็เป็นที่พักพิงหนึ่งเดียวของเขา

สะบัดศีรษะปัดฝุ่นออกไปเส้นผมสีดำของตัวเอง ลุกขึ้นเกาะหน้าต่างห้องมองดูสภาพแออัดยัดเยียดของชุมชนสลัมด้านล่างด้วยความละเหี่ยใจ เงยหน้ามองท้องฟ้าก็เห็นแม่เมฆครึ้มอึมครึมน่าอึดอัด อากาศที่สูดเข้าปอดไม่เคยทำให้เขารู้สึกดีแต่จำเป็นต้องสูดเข้าไปเพื่อให้ร่างกายยังทำงานต่อไป...ร่างกายที่บางครั้งก็อยากทำร้ายมันให้แดดับดิ้น ให้ชีวิตบัดซบไร้ค่านี้ได้จบลงไปเสียที

หลับตารับลมอ่อนๆที่โชยกลิ่นคาวของแม่น้ำมานิ่งๆ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอ่ยคำบอกกับตัวเองอย่างทุกวัน...

“เอาล่ะ แจ็คสัน มาอยู่บนโลกนี้ต่อไปอีกสักวันนะ”





เสียงเอะอะโล้งเล้งภายในครัวยังคงดังก้องสะท้อนไปมา มือขาวรีบล้างจานใบที่ห้าสะบัดน้ำฟองออกวางเทินกองจานอีกใบ แอบเหลือบมองพวกพ่อครัวในชุดสีขาววิ่งไปมาแล้วอดเทียบกับพวกหนูคลองที่วิ่งว่อนเวลาเขาเดินเข้าไปใกล้ไม่ได้ ถอนหายใจอีกรอบ ถ้าความเชื่อที่ว่าถอนหายใจแต่ละครั้งหมายถึงอายุลดลงไปหนึ่งวัน ชีวิตเขาคงใกล้จะถึงจุดจบเต็มทีแล้วล่ะ

...ซึ่งมันก็ดี...

คิดอะไรเรื่อยเปื่อยขณะลงมือล้างจานใบต่อไป พยายามไม่สนใจใครก็ตามที่เดินวนเวียนอยู่ด้านหลัง อยากหันกลับไปตวาดใส่เหลือเกินว่าเดินมาใกล้ขนาดนี้เดี๋ยวก็โดนจานตกแตก ไม่ทันจะทำตามความคิด สิ่งที่กลัวก็เกิดขึ้นจริงๆ...

เพล้ง! เสียงตกกระทบของจานกระเบื้องแตกกระจาย ความวุ่นวายหยุดชะงัก เจ้าตัวต้นเหตุกระเถิบออกไปไกลโยนความผิดให้เขาเห็นๆ ในขณะที่คนล้างจานยังยืนนิ่งทำตัวไม่ถูก สะดุ้งวาบเมื่อเจ้าของร้านสะกดชื่อเขาดังลั่น

“แจ็คสัน!!! ไปพบฉันหลังร้าน!

...ซวยชะมัด...





ไม่ผิดคาดเท่าไหร่นักเมื่อเขาโดนโยนออกหลังร้านเยี่ยงหมาจรจัด ดีเท่าไหร่แล้วที่พวกนั้นโยนเขาลงกับพื้นไม่ใช่กองขยะอย่างหนังบางเรื่อง ไม่อย่างนั้นเขาคงน่าบัดซบยิ่งกว่านี้ คำตวาดที่มาพร้อมคำประกาศิษย์บังคับเขาให้อยู่ในสถานะของ คนตกงานอีกครั้งยังคงดังอยู่ในหัว มือขาวทึ้งหัวตัวเองไปมาสบถลั่นกลางทางเดิน ไม่สนสายตาคนที่เดินผ่านไปมา ไม่ต้องเงยหน้ามองก็รู้ว่ามีแต่สายตาสมเพชเวทนาและสงสาร สงสารแต่ไม่เคยเข้ามาปลอบประโลมหรือช่วยเขา ไม่เคยมี แต่เขาก็ไม่เคยโทษคนพวกนั้นหรอก ในเมื่อสังคมมันสอนให้มนุษย์แก่งแย่งกันเพื่อให้มีชีวิตรอด พวกมนุษย์เดินดินที่กำลังดิ้นรนเพื่อชีวิตตัวเองอยู่คงไม่มีความสามารถจะมาช่วยคนอื่นได้หรอก

ถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกรอบ คิดถึงมาม่าซองสุดท้ายในห้อง คงต้องพึ่งมันเป็นอาหารอีกมื้อ พรุ่งนี้เช้าค่อยคิดต่อว่าจะไปหางานที่ไหนทำ ตอนนี้เขาเหนื่อยจนอยากจะซุกตัวเองอยู่บนที่นอนจะแย่

เดินต๊อกกลับห้องเช่า หัวใจตกลงไปตาตุ่มเมื่อเห็นร่างอวบอ้วนของเจ้าของห้องเช่ายืนสะบัดพัดเชื่องช้ากำลังรอเขาอยู่

...วันนี้วันจ่ายค่าเช่าห้องวันสุดท้ายนี่หว่า...

“อะเอ่อ สวัสดีครับเจ๊”

“สวัสดี ไม่พูดพล่พทำเพลงนะ เงินค่าเช่าจะจ่ายได้รึยัง ถ้ายังวันนี้นายต้องออกไป”

“ตะ แต่ ผมของอีกวันนึงนะครับ ขอร้องล่ะครับ ผมไม่มีเงินจริงๆ”

“ไม่ได้! ถ้าไม่มีก็ออกไป นายค้างค่าห้องมาสามเดือนแล้วนะ”

“...”

“ฉันจะไม่เอาค่าเช่าจากนาย แต่นายต้องออกไปวันนี้”

“ครับเจ๊ ผมเข้าใจแล้ว”รับคำแบบกล้ำกลืน ฝืนหยาดน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาต่อหน้าหญิงผู้นี้ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ใจร้ายเลย ออกจะใจดีที่ยอมให้เขาค้างค่าเช่าตั้งสามเดือน เป็นที่อื่นได้เฉดหัวเขาออกจากห้องตั้งแต่เดือนแรกแล้ว

ไหว้ลาเจ้าของห้องพักที่เดินจากไปพร้อมกุญแจ เดินไร้เรี่ยวแรงเข้าไปในห้องที่ไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป ทรุดลงคุกเข่าลงกลางห้อง หยาดน้ำตาเริ่มไหลลงมาอย่างสุดอัดอั้น สะอื้นไห้คนเดียวไร้คนคอยปลอบประโลม มันไม่เคยมี...





แบกเป้ใบเดียวเดินออกมาจากที่พักเก่า ย่ำเท้าไปตามถนนคอนกรีตผุพังอย่างไร้จุดหมาย ทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งสาธารณะ เหยียดขาที่เมื่อยล้าออกไปมองดูเท้าที่เริ่มเจ็บระบมในรองเท้าผ้าใบเก่าเกราะมือสอง มันทั้งเก่า ทั้งเน่า ดูไร้คุณค่าเหมือนตัวเขาตอนนี้มีผิด

แหงนมองดูท้องฟ้าครึ้มเทาเหมือนฝนเริ่มตั้งเค้า หวนคิดถึงชีวิตตนเองเมื่อก่อน เขาไม่ได้ยากจนอะไรมาตั้งแต่เด็กหรอก เคยมีครอบครัวที่อบอุ่น มีเงินจับจ่ายใช้สอยพอประมาณ แต่จู่ๆชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อครอบครัวประสบอุบัติเหตุถูกรถชนตายยกครัว ยกเว้นเขาที่ตอนนั้นอายุ 15 ปี ตั้งแต่นั้นเขาก็ต้องเริ่มดิ้นรนหางานทำเรื่อยมาเพื่อให้ชีวิตตัวเองอยู่รอดได้ บ้านหลังเก่าถูกซื้อด้วยราคาแสนถูกเพราะพวกมีอิทธิพลแถวนั้นอยากได้ไปไถที่ทำโรงงาน ยังจำได้ถึงวันที่โดนปืนจ่อหัวพร้อมคำขู่ให้ขายบ้านได้ดี

ฟ้าเริ่มมืดพร้อมฝนที่โปรยลงมา เขายังนั่งอยู่ที่เดิมมองผู้คนที่วิ่งวุ่นวายกลับบ้านของตน แต่ตัวเขาไม่มีที่ไปจะรีบวิ่งไปที่ไหนกันล่ะ? ลุกขึ้นเมื่อฝนลงเม็ดหนัก เดินผ่านสนามหญ้าย่ำโคลนเละๆไปใต้สะพานที่ยังไม่มีคนจรจัดมาจับจอง ที่ตรงนี้คงพอบังฝนให้เขาได้ในวันนี้ ค้นผ้าห่มออกมาสะบัดคลุมร่างและใช้กระเป๋าแทนหมอน พยายามจินตนาการว่าพื้นคอนกรีตแข็งเย็นที่แนบหลังเขาอยู่ตอนนี้คือฟูกนุ่มแสนอุ่นสบาย ข่มตาลงด้วยจิตใจที่แสนหนักอึ้ง ความคิดหนึ่งพุ่งขึ้นมาในหัวตอนห้วงสติสุดท้ายก่อนจะหลับไหลลงในห้วงนิทรา

...อยากตายจัง...








หวี่ๆ เสียงดังเหมือนแลงปีกอ่อนดังวนเวียนอยู่ข้างหู แจ๊คสันขมวดคิ้วพลิกกายไปอีกด้าน เสียงนั้นหยุดไปแล้ว ริมฝีปากอิ่มแย้มนิ้มพอใจหลับต่อไปโดยไร้ความกังวล โดยไม่รู้เลยว่าชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปตลอดกาลนับแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*