[SF] COFFEE CAFE [JINSON]
TITLE:
COFFEE CAFE
COUPLE:
JINYOUNG x JACKSON [JINSON]
RATE:
PG-18
WORD:
3,050
BY:
Silverfeather29 /@silverfeather29/
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
COFFEE
CAFE
...แจ็คสันกินกาแฟไม่เป็น...
“แจ็คสัน
วันนี้มีดวลบาสว่ะ ไปด้วยกันไหม?”ทันทีที่อาจารย์เดินออกไปจากห้อง
นิคโคลัสก็หมุนตัวกลับมาถามคนที่กำลังเร่งมือเก็บชีทเข้ากระเป๋าง่วนอย่างแจ็คสันทันที
คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนแล้วส่ายหน้า
“เอาไว้ก่อนนะ
วันนี้กูไม่ว่างว่ะ”
“อีกแล้ว! มึงบอกผลัดกูมาสามวันแล้วนะ”นิคโคลัสร้อง “แจ็คสัน ถามจริง
ติดสาวเหรอวะ?”ท่าทางลุกขึ้นจ้องตาเขม็งแบบจะล้วงความลับเขาให้ได้ของเพื่อน
ทำเอาเขาหลุดขำ
“ไม่มีสาวโว้ย! แต่กูขี้เกียจเล่น เจ็บๆขาว่ะ ไปแล้ว!”พูดจบก็วิ่งลิ่วออกไปจากห้องไม่ฟังเสียงทัดทานอะไรอีก
ท่าทางเร่งรีบจนไม่คิดว่าเรื่องที่เจ้าตัวพูดมาจะเป็นความจริง
“แล้วรีบแบบนั้น
มึงจะไปรีบต้อนแพะเข้าถ้ำรึไงล่ะไอ้บ้า”เสียงตะโกนตามหลังมาของเพื่อนแทบทำเอาแจ็คสันเกือบหัวทิ่ม
ขำจะบ้ากับคำเปรียบเปรยนั้น จะว่าไปช่วงสามวันมานี้เขาก็ทำตัวแปลกไปจริงๆนั่นแหละ...
คงเป็นภาพที่แปลกพิลึกเวลาเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาดุมานั่งกระบิดกระเมี้ยนทำตัวไม่ถูกในร้านกาแฟตกแต่งสไตล์วินเทจสีครีมชมพูหวานแหววแบบนี้
และคงแปลกไปใหญ่เมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้มานั่งแบบนี้มาสามวันติดต่อกันแล้ว
“ร้าน JJ
Cafe ยินดีต้อนรับครับ
วันนี้รับอะไรดีครับ”เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังเอ่ยขึ้นข้างโต๊ะ
แจ็คสันสะดุ้งเล็กๆแบบกลัวคนมาใหม่จะจับอาการได้
หันไปมองเจ้าของเสียงด้วยใจที่ออกจะเต้นแรงไปสักหน่อย
ชายหนุ่มในชุดบริกรขาวดำเข้ารูปดูดี ใบหน้าเรียวมักมีรอยยิ้มบางๆน่าเข้าใกล้ โดยเฉพาะดวงตาเรียวทอประกายอบอุ่นมองกี่ทีก็รู้สึกใจสั่น
เสียงนุ่มถามเขาอีกครั้ง
“คุณเลือกค้ามีเมนูไหนสนใจเป็นพิเศษไหมครับ?”
“อ่า...สักครู่นะครับ”ตอบขณะไล่สายตาดูเมนูที่มีแต่ลาเต้
เอสเพรสโซ่ คาปูชิโน่ ฯลฯ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ชอบดื่มกาแฟเลยสักนิด
...ใช่ แจ็คสันเป็นพวกดื่มกาแฟไม่ได้
แต่ก็มานั่งร้านกาแฟเกือบทุกวัน...
ชายหนุ่มผู้มารับออเดอร์มองลูกค้าตัวเล็กกำลังนั่งดูเมนูแล้วลอบยิ้มขำ
ใบหน้าลำบากใจเหมือนมานั่งทำข้อสอบไม่ได้มานั่งเลือกเมนูเครื่องดื่มนั่นทำเอาเขาอดเอ่ยปากให้ความช่วยเหลือไปให้
“ยังไงให้ผมแนะนำไหมครับ”
“อะ
เอ่อ...ก็ดีครับ”ใบหน้าเหรอราหันมามองหน้าเขาเพียงครู่แล้วหลบสายตาลงโต๊ะดังเดิม
มือขาววางเมนูเป็นเชิงตกลงคำช่วยเหลือนั้น
“ไม่ทราบว่าชอบเครื่องดื่มประเภทไหนเป็นพิเศษบ้างครับ
ผลจะได้เลือกแนะนำถูก”
“เอ่อ...ผมไม่ชอบกินกาแฟน่ะ...แต่นอกนั้นผมกินได้หมดนะ”เสียงแหบอ้อมแอ้มตอบท่าทางอายๆ
ก็มีที่ไหนไม่ชอบกินกาแฟแต่มาร้านกาแฟทุกวันแบบเขาบ้าง
“ถ้าอย่างนั้นลองคาราเมลปั่นไหมครับ?
ผมจะลดหวานให้ถ้าไม่ชอบหวานมาก”
“ครับๆ
ได้ครับ”พยักหน้าให้ชายหนุ่มรัวๆ แอบเห็นชายหนุ่มยิ้มก่อนหันหลังกลับไปด้วย
ไม่รู้ว่าเพราะขำหรือเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เขาต้องหน้าแดงหน่อยๆแน่ๆ งื้ออออ _/////_
ผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นเจ้าของร้านร่วมของร้านกาแฟเล็กๆแต่บรรยากาศอบอุ่นแห่งนี้
แจ็คสันไม่เคยสนใจมัน จนกระทั่งสี่วันก่อนที่เขาเข้ามาหลบฝนในนี้และได้มาพบกับจินยอง...
ชายหนุ่มผู้ทั้งแสนอบอุ่นและแสนดี
ไม่รู้ว่าไอ้ความรู้สึกตึกตักๆในอกแบบนี้จะเรียกว่าชอบได้รึเปล่า
แต่ถึงอย่างนั้นแจ็คสันก็ยังอยากมานั่งที่นี่ มองดูทุกอิริยาบถที่ชายหนุ่มทำ
จินยองเดินกลับเข้าไปหลังร้านเหลือให้ชายหนุ่มเจ้าของร้านอีกคนดูแลหน้าเคาท์เตอร์
แจ็คสันไม่รู้อะไรมากนอกจากเขาชื่อเจบี
อันที่จริงแล้วเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับจินยองเลยต่างหาก
นอกจากชื่อและอายุที่น่าจะเท่าๆกันกับเขา
คิดอะไรเพลินไปหน่อย
รู้ตัวอีกทีก็มีแก้วกาแฟใบโตตกแต่งด้วยวิปปิ้งครีมราดคาราเมลสีสวยมาวางอยู่ตรงหน้า
เงยหน้ามองก็เจอจินยองแย้มยิ้มมาให้ ใจเต้นแรงจนกลัวว่าชายหนุ่มจะได้ยิน
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะครับ”
“เอ่อ...”
“ครับ?”
แจ็คสันเม้มปากแน่น
ในหัวว่างโหวงสบตาเรียวนั้นแล้วลืมคำถามที่คิดเอาไว้หมดสิ้น
“ไม่มีอะไรครับ”
แจ็คสันเดินเข้าเดินออกร้านแบบนี้มาตลอดหนึ่งเดือนเต็ม
มาสละทรัพย์ที่นี่หลังเลิกเรียนทุกวันจนเริ่มสนิทกับเจบีแบบแทบจะตบหัวกันได้แล้ว
ในขณะที่จินยองแค่จะคุยแต่ละทีก็ยังเกร็งแทบแย่ ไม่มีอะไรคืบหน้าสักนิด
วันนี้ก็เหมือนเดิมเลิกเรียนก็เดินต๊อกๆเข้าร้านกาแฟเจ้าเดิม
แต่วันนี้คนเยอะเป็นพิเศษ เห็นเจบีวิ่งรับออเดอร์ให้วุ่น
ส่วนจินยองก็ชงเครื่องดื่มให้วุ่นเหมือนกัน
เดินไปนั่งหน้าเคาท์เตอร์แต่ไม่สั่งอะไรเพราะเจบียังวุ่นอยู่กับโต๊ะหลัก
ระหว่างนั้นก็มองดูจินยองชงกาแฟเพลินๆ มือจินยองสวยได้รูปแต่ก็ดูแข็งแรงดี
นิ้วก็เรียวเวลาหยิบจับอะไรก็ดูดีไปหมด มือของพวกบาริสต้าจะหยาบหรือจะนุ่มกันนะ?...
“อย่าจ้องฉันแบบนั้นเลย
มันเกร็งนะ”จู่ๆเสียงทุ้มนุ่มก็เอ่ยเรียกสติแจ็คสันให้กลับคืนมา
จินยองกำลังยืนมองมาทางเขานิ่ง กลายเป็นแจ็คสันเองแล้วที่ทำตัวไม่ถูก
“ขอโทษครับ”
“ไม่ได้ว่าหรอก
แต่จ้องขนาดนั้นฉันก็เขินไง ฮะฮะ”ยิ้มจนแอบเห็นริ้วรอยเล็กๆบนใบหน้านั้น
“วันนี้คนเยอะเลย สนใจมาเป็นมาเสิร์ฟช่วยไหมล่ะ? มีค่าจ้างด้วยนะ”
“หา! ได้เหรอครับ?”
“ได้สิ
ลูกค้าประจำคนพิเศษนี่นะ”เสียงทุ้มเอ่ยหยอกพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ชวนใจสั่น
...ลูกค้าประจำน่ะเข้าใจ
แต่ไอ้พิเศษนี่คือยังไงครับ ผมคิดไกลนะ งื้อ ////
สุดท้ายแจ็คสันก็ต้องเข้าไปเปลี่ยนชุนหลังร้านออกมาช่วยงานเจบีกับจินยองจนได้
เขาเคยทำงานพาร์ทไทม์มาก่อนเลยพอรู้งานอยู่บ้าง ยืนต้อนรับลูกค้า
พาลูกค้าไปนั่งที่โต๊ะ จดออเดอร์ เสิร์ฟเครื่องดื่ม
ทำทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล่วจนเจบียังเอ่ยปากชม แต่กว่าจะปิดร้านก็เหนื่อยสายตัวแทบขาดเหมือนกัน
“เหนื่อยไหม?
ขอโทษนะที่ให้มาช่วยงานเฉยเลย”จินยองเดินเข้ามาพร้อมด้วยผ้าเย็น
ยื่นให้เด็กหนุ่มที่นั่งแบ่บหมดสภาพอยู่บนที่นั่งตัวหนึ่งหลังปิดร้าน
แจ็คสันยิ้มกว้างรับผ้ามาเช็ดเหงื่อตามลำคอและใบหน้า
พลางส่ายหน้าไปให้จินยองได้สบายใจ
“ไม่เป็นไรครับ
สนุกดี ไม่ได้ทำแบบนี้นานมากแล้ว”
“นายเคยทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟเหรอ?”จินยองถามท่าทางสนอกสนใจ
หย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างตัวคนตัวเล็กที่ยิ้มเผล่รับ
“ครับ
สองสามปีมาแล้วล่ะ ทำเล่นๆน่ะ”
แล้วทั้งสองก็เริ่มคุยกันสัพเพเหระหลายเรื่อง
บทสทนาที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเจือรอยยิ้มเคล้ากลิ่นกาแฟ
ทำให้แจ็คสันรู้สึกใจพองโต
เริ่มแน่ใจแล้วว่าความรู้สึกที่เขามีต่อจินยองนั้นคืออะไร
ชัดเจนจนเริ่มกลัวตัวเอง...
คงจะแปลกถ้าเห็นเด็กหนุ่มในชุดมหาวิทยาลัยดังเดินถือถุงใส่ขนมเค้กแพกเก็ตหวานแหววยืนทำหน้าหงอยอยู่หน้าร้านกาแฟ
วันนี้แจ็คสันหลับมาร้านกาแฟร้านเดิมหลังจากหลับไปสงบใจและทบทวนตัวเองสองวัน
แต่พอวันนี้กลับมา คนที่เขาคิดถึงกลับไม่มาทำงานซะอย่างนั้น...
“วันนี้หมอนั่นลาหยุด
ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน แต่เหมือนจะไม่ได้ไม่สบายหรอก”
เจบีบอกมาแบบนั้น
เขาเลยซื้อเค้กในร้านออกมากล่องหนึ่งพอไม่ให้เสียมรรยาท แล้วเดินออกมา
โดยไม่ทันได้มองรอยยิ้มแปลกๆตอนสุดท้ายของชายผู้เป็นเจ้าของร้านกาแฟ...
แจ็คสันเดินไปตามทางเท้าเอื่อยๆเหมือนคนไม่มีอะไรทำ
ทรุดนั่งลงบนม้านั่งในสวนสาธารณะใกล้หอพักของเขา มองเค้กในมืออย่างชั่งใจ
แต่สุดท้ายก็หยิบมันขึ้นมาเปิดกล่องออก
...เพราะไม่ชอบดื่มกาแฟเลยสั่งเค้กแทน
พอทำแบบนั้นนานๆเข้าเลยทำให้เขาติดเค้กโดยไม่รู้ตัว...
แต่ทันทีที่เปิดออกก็ต้องแปลกใจกับกระดาษใบเล็กที่สอดอยู่ข้างพลาสติกใสห่อชิ้นขนม
มือขาวหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสนใจ
“เบอร์โทรศัพท์?”
ตัวเลขหลายหลักบนกระดาษทำเอาแจ็คสันงงไม่น้อย
เบอร์ใคร แล้วเอาให้เขาทำไม? นึกไปนึกมาก็น่าจะเป็นเจบีที่สอดไว้แน่ๆ
เบอร์เจบีเหรอ? หมอนั่นจะเอาเบอร์ให้เขาทำไม
คนอย่างเจบีไม่น่าจะมาพิศวาทอะไรตัวเขาหรอกน่า หรือเป็นเบอร์จินยอง?...
แค่คิดหน้าก็แดงมากแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นก็กดโทรออก (อ้าว...) ฟังเสียงรอสายไปก็ใจเต้นตึกตักไป
ฟังเสียงรอสายจบไปสองรอบก็ยังไม่มีใครรับ
มือขาวมองหน้าจอด้วยความเซ็งจิต
สะดุ้งเฮือกเกือบทำโทรศัพท์หลุดมือตอนมันแผดเสียงมีสายเข้า
“ครับๆ
แจ็คสันครับ ใครครับ”
“...”
“คุณครับ?”
“แจ็คสันเหรอ?
นี่จินยองนะ”เสียงทุ้มนุ่มทักจากปลายสายเกือบทำเอาหัวใจแจ็คสันหยุดชะงัก จินยอง?
เบอร์จินยองจริงด้วย -//////////////////-
“อ่ะ เอ่อ
ครับ คือผมโทรากวนรึเปล่าอ่ะ พอดีเจบีให้เบอร์จินยองมา อ่ะ
แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นเบอร์จินยองนะ ผมสงสัยว่าเบอร์ใครเลยโทรไป ไม่ได้จะกวนนะ เอ่อ
เอ่อ”ละล่ำละลักพูดตื่นตกใจกลัวคนปลายสายจะวางไปก่อน ในหัวสับสนวุ่นวายไปหมด
ไม่รู้จะพูดอะไรก่อนดี เสียงก็สั่น ได้บิยเสียงจินยองหัวเราะด้วย โอ๊ยยย อายยยยยย
“ไม่เป็นไรๆ
ไม่กวนหรอก...”จินยองเว้นวรรคไป “ตอนนี้แจ็คสันอยู่ไหน?”
“เอ๋...อยู่สวนสาธารณะใกล้ร้านกาแฟจินยองอ่ะ
ทำไมเหรอ?”
“งั้นรออยู่นั่นนะ...เดี๋ยวไปหา”
“หา!”ไม่ทันได้ตอบอะไร จินยองก็ตัดสายไปแล้ว ตาโตกระพริบตาปริบๆมึนงง
ยังลำดับความคิดไม่ได้ จินยองจะมาหาเขาเหรอ? แล้วมาทำไม?...
รอไม่ถึงชั่วโมงก็เห็นร่างโปร่งสูงวิ่งมาแต่ไกล
จินยองวันนี้แปลกตา
อาจเพราะอยู่ในชุดลำลองเสื้อยืดสีฟ้าทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงยีนสีซีดเท่ๆนั่นก็ได้
ใบหน้าเรียวเหงื่อไหลอย่างกับน้ำตก เส้นผมสีเข้มยุ่งนิดๆ แม้แต่เสื้อยังชุ่มเหงื่อ
ท่าทางเหมือนวิ่งมาไกล
“จินยอง
ทางนี้ครับ”
ร่างสูงโปร่งทรุดบนเก้าอี้ยาวตัวเดียวกับแจ็คสัน
หอบหายใจแรกอย่างที่แจ็คสันไม่เคยเห็น
นานกว่าห้านาทีที่แจ็คสันรอให้จินยองเปิดปากพูดก่อน
แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีคำใดเอ่ยออกมา บรรยากาศน่าอึดอัดเข้าปกคลุม
ร่างเล็กกระดุกกระดิกไปมาแบบไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“นายทำอะไรฉัน...”
“หา?”แจ็คสันหันไปมองคนพูดประโยคชวนงงนั้น
คิ้วขมวดไม่เข้าใจว่าจินยองพยายามจะพูดอะไร ดวงตาเรียวหันมาสบตาเขา
ใบหน้านั้นเรียบนิ่งจนแจ็คสันหวั่นใจ
“นายทำอะไรกับฉันกันแจ็คสัน
ทำไมนายจะต้องมาป้วนเปี้ยนอยู่ข้างฉัน ทำไมนายต้องมาปั่นป่วนความรู้สึกฉัน
นายเข้ามาในชีวิตฉันทำไม...”
เหมือนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ
ขอบตาร้อนขึ้นมากะทันหัน แจ็คสันเบือนหน้าหนีต่ำลงไม่กล้าสบตาคนข้างตัวอีกต่อไป
คำพูดของจินยองเหมือนกรรไกรตัดเส้นความหวังของเขาจนพังทลาย เสียใจจะพูดอะไรไม่ออก
เขาไม่เคยคิดว่าการที่เขาไปที่ร้านทุกวันจะทำให้จินยองรำคาญเขาขนาดนี้...
“ผมขอโทษที่ทำให้จินยองรำคาญนะ
ผมจะไม่ไปที่นั่นแล้ว ผม...”ประโยคถัดมาถูกกลืนลงคอ
เมื่อมือสวยของคนข้างตัวยึดคางมนบังคับใบหน้าเขาให้เชิดขึ้นรับสัมผัสอุ่นจากริมฝีปากอีกคนที่จรดลงบนริมฝีฝากอิ่มของเขา
ดวงตากลมโตเบิกกว้างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน จินยองผละจูบออก
ดวงตาเรียวมองคนตัวเล็กจริงจัง
“ฉันบอกตอนไหนว่ารำคาญนาย...
ตรงกันข้ามแจ็คสัน ฉันชอบนาย”
“...ชอบ...ผม?”
...ผมหูฝาดไปรึเปล่า
จินยองบอกชอบผมจริงเหรอ?...
“ฉันชอบนาย”ย้ำอีกรอบเพิ่มความแน่ใจ
“ตอนนายหายไปฉันร้อนใจแทบบ้า เหมือนเป็นคนบ้าที่คอยแต่เอาชะเง้อหานาย
ประสาทจนไอ้เจบีสั่งให้ฉันลาพัก ไม่งั้นร้านได้เจ๊งแน่ๆ...”
“จินยองพูดจริงเหรอ?”
“ฉันชอบนาย...ให้จูบนายยืนยันอีกรอบไหมล่ะ?”รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนริมฝีปากเรียวที่แจ็คสันเคยคิดว่ามันเหมาะแค่รอยยิ้มอบอุ่น
ดวงตาเรียวระยับจับจ้องปากแดงของคนตัวเล็กนิ่ง
“ไม่ต้องๆ”รีบปฎิเสธ
มือขาวยกขึ้นปิดปากหมับ แก้มแดงจัดลามไปถึงหู หลบตาร่างสูงโปร่งข้างตัว
นี่ลืมไปแล้วรึไงว่าพวกเขาอยู่ด้านนอกนะ สวนสาธารณะน่ะ!
“นายชอบฉันใช่ไหม?”
“-/////////-”
ยิ่งถามยิ่งอาย คนตัวเล็กเริ่มม้วนตัวยกแขนปิดหน้าที่เห่อร้อน
ซุกหน้าลงบนเข่าบังจากคนข้างกาย ตอบในลำคอแผ่วเบา “อื้อ...”
จินยองยกยิ้มกว้าง
ลูบศีรษะกลมอย่างนึกเอ็นดู “บอกชัดๆหน่อยสิ”
“ผมชอบจินยอง”แจ็คสันทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นมามอง
ดวงตากลมใสแจ๋ว กัดริมฝีปากแดงเขินอาย ผิวแก้มแดงระเรื่อตัดกับผิวขาวส่วนอื่น
จินยองมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกบางอย่าง แย้มยิ้มหวานราวหยดน้ำผึ้ง
เลื่อนมือกุมมือเล็กไว้
“ไปห้องฉันกัน...”
“อื้ม~ จินยอง”เสียงแหบครางผะแผ่วหอบหายใจหนัก
รีบโกยอากาศเข้าปอดเมื่อริมฝีปากบางผละออกไปแล้ว
ริมฝีปากแดงจัดเด่นจากใบหน้าขาวที่แดงระเรื่ออ่อนๆ ดวงตากลมโตปรือปรอยเหนื่อยอ่อน
ใบหน้าเย้ายวนแบบไม่รู้ตัวแบบนั้นเริ่มทำให้จินยองอยากเปลี่ยนเจตนาเดิมที่จะไม่ทำอะไรคนใต้ร่างนี้
จินยองมองภาพคนตัวเล็กด้านใต้ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่าง
ได้แต่คอยย้ำตัวเองว่ามันยังไวเกินไป ก้มลงกดจูบลงแก้มนิ่มสูดกลิ่นหอมเฉพาะตัว
เลื่อนปลายจมูกไปตามกรอบใบหน้าน่ารัก เลื่อนลงไปขมเม้มลงบนคอขาวผ่องน่าทำรอย
“จินยอง
ไม่ทำรอย ไม่เอา”แจ็คสันร้องโวยวายเมื่อรู้สึกจี๊ดๆที่ข้างคอ
กลืนคำโวยวายลงไปอีกรอบเมื่อจินยองยกตัวขึ้นมาป้อนจูบหวานละมุนให้เขาอีก สมองเบลอโล่งรับสัมผัสอบอุ่นนั้นแต่โดยดี
กลิ่นของจินยองเป็นกลิ่นหอมของกาแฟโดยแท้ มันทั้งกลมกล่อม หอมหวน
มีเสน่ห์น่าเข้าหาแต่หากสูดมากไปก็สามารถทำให้เมามายได้
เหมือนตอนนี้ที่เขากำลังเมาจูบของจินยองที่คอยแต่จะฉกชิงริมฝีปากเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเจ็บปากไปหมด
“จินยอง
ผมเจ็บปาก อื้อ!”ร้องอื้อหุบแน่นต่อต้านริมฝีปากบางที่ประกบลงมาครอบครองอีกครั้ง
คนตัวสูงมองท่าทางของแจ็คสันแล้วยิ้มบาง
กดจูบลงบนแก้มนิ่มฟอดใหญ่แล้วลุกขึ้นมานั่งมองคนตัวเล็กที่นอนหอบแบบนั้นอยู่พักใหญ่
ถึงจะลุกขึ้นมาพิงพนักโซฟาได้ ดวงตากลมโตขุ่นมัวมองตัดพ้อเขา ปากแดงยู่เข้าหากัน
ท่าทางแสนงอนจนคนมองอยู่อยากกระโจนไปจัดการย่ำยีปากน่าจูบนั่นอีกรอบ
“เจ็บ...”คนตัวเล็กบ่น
นิ้วป้อมแตะริมฝีปากตัวเองที่ซึมเลือดนิดๆ ตวัดตามองจินยองตาขุ่นตาขวาง
“จูบมากเกินไปแล้ว ปากผมแตกแล้วเนี่ย”
“ขอโทษนะ ก็ปากนายน่าจูบนี่นา
โอ๊ยๆ ขอโทษๆ ฮ่าฮ่า”หัวเราะร่าพลางหลบมือขาวที่พุ่งมาหมายจะประทุษร้ายเขาให้ได้
“จินยอง! ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ! งื้อ
เจ็บปาก”ร้องโวยวายไม่ได้ดั่งใจแล้วนั่งลงบ่นงุ้งงิ้งอีกรอบ
จินยองขยี้เส้นผมนุ่มมือด้วยความเอ็นดู
“อยากทานอะไรไหม?”
“อยากกินพิซซ่า...”คำขอร้องที่มาพร้อมนัยน์ตาแป๋วแหว๋วเหมือนลูกหมาตัวเล็กๆทำเอาจินยองใจอ่อนยวบ
พยักหน้าตกลง แจ็คสันกระโดดตัวลอยกอดแขนจินยองแน่น
ดีใจจนลืมเรื่องเจ็บปากและเรื่องงอนไปหมด
จินยองหัวเราะกับท่าทางเด็กๆนั้น
หอมแก้มคนตัวเล็กกว่าฟอดใหญ่ แจ็คสันหัวเราะคิกคัก กลิ่นหอมกาแฟของจินยองทำเอาเขานึกขึ้นมาได้อีกเรื่อง...
...ต้องลองกินกาแฟดูมั่งแล้วล่ะ...
งื้ออ น่ารักที่ฉุดเบยยย
ตอบลบ