[EREBUS] 04
~
4 ~
ดวงตากลมปรือตาปรับมองแสงสว่างจากนอกหน้าต่างบานใหญ่ที่สาดแสงเข้ามาในตอนเช้า
หาวหวอดๆ พยุงกายลุกขึ้นจากฟูกเล็กข้างกำแพง นิ่วหน้าเจ็บแปล๊บที่คอ
เหลือบตามองปลอกคอสีดำดึงรั้งด้วยโซ่เหล็กที่ตอนนี้ตึงแน่น ด้านหนึ่งของโซ่คือข้อมือของร่างสูงที่นอนหลับสบายเฉิบอยู่บนเตียงนุ่มนั่งไงล่ะ
แจ๊คสันจิ๊ปากนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น
เขาต้องรอให้มาร์คตื่น ไม่อย่างนั้นเขาก็ขยับตัวนอกจากเขตนี้ไม่ได้
มือขาวจับหางนุ่มที่กวัดแกว่งไปมาด้านหลังมากอดแน่นเพราะรู้สึกหนาว
ถึงมาร์คจะหาเสื้อมาให้เขาเปลี่ยนทุกวัน
แต่ก็เป็นเพียงเสื้อกล้ามสีดำแขนกว้างตัวบางและกางเกงขาสั้นเหมือนกันทุกๆวัน
จนเหมือนเป็นชุดเดียวกันแต่ซักใหม่
ยกมือขึ้นมานับเวลาตั้งแต่มาร์คไปจับเขามาก็นับว่าเป็นวันที่ห้า
ห้าวันแล้วที่เขาอยู่ที่นี่ในฐานะ
‘อาหาร’
ใช่...อาหารของท่านลูซิเฟอร์
นั่งรอจนสัปหงกจะหลับอีกรอบร่างสูงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
ท้องเริ่มร้องโครกครากต้องการอาหาร แถมยังมาปวดฉี่อีก
ทนไม่ไหวลุกขึ้นเดินดุ่มๆไปยืนข้างเตียง ยืนพินิจใบหน้าหล่อเหลานั่น
...ขนาดหลับยังหล่อ
ให้ตายเถอะ!...
กระพริบตาปริบๆเหมือนลืมว่าจะมาทำอะไร
เขย่าแขนคนตัวสูงเบาๆ แต่มาร์คก็ยังไม่ตื่น แถมพลิกตัวหนีเขาอีกต่างหาก
แจ๊คสันทำหน้ายุ่งมากกว่าเดิม
...ฉี่จะราดแล้วนะ
ตื่นสักทีสิ!...
“มาร์คๆ
มาร์คคคคค ตื่นนนน เช้าแล้วนะ”ลองร้องเรียกดีๆก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ
ใบหูใหญ่ตั้งขึ้นแสดงอาการหงุดหงิดเต็มที่
“มาร์คคคคคคคค!!!”
“โว้ยยย! รู้แล้ว”เสียงทุ้มต่ำงัวเงียตอบรับ
ใช้มือจับศีรษะกลมข้างตัวที่กำลังฟึดฟัดไปมา ค่อยๆลุกขึ้นนั่งหาว
ปรือตามองมนุษย์ในร่างหมาดำข้างตัว
“ปลุกทำไมแต่เช้า”
“ปวดฉี่...หิวข้าวด้วย”ตอบทั้งที่พองลมเข้าปากอย่างแสนงอน
มาร์คส่ายหน้า
ดีดนิ้วครั้งหนึ่งโซ่ที่ต่อกับปลอกคอสีดำก็พลันยาวขึ้นจนสามารถเดินไปไหนมาไหนบนห้องได้สบาย
ทันทีที่เห็นแบบนั้นแจ๊คสันก็วิ่งปร๋อเข้าไปในห้องน้ำเล็กๆที่ต่อกับห้องนอนใหญ่ของท่านลูซิเฟอร์โดยเร็ว
“จะราดแล้วโว้ยย”
ใบหน้าหล่อเอียงคอยิ้มหัวเราะมุมปากนิดๆ
...มนุษย์นี่ตลกจริงเลยนะ...
หลังทำธุระส่วนตัวเสร็จแจ็คสันก็เดินลากโซ่ออกมานั่งกลางห้อง
มองดูร่างสูงที่เดินไปมาในห้องแบบไม่รู้จะทำอะไร
“มาร์ค”
“หืม?”
“หิวข้าว”
“ข้าก็หิว...”ตอบกลับร่างเล็ก
ดวงตาสีม่วงเหลือบมามองร่างขาวที่หน้าแดงนิดๆ ฟันขาวขบกัดบนริมฝีปากอิ่มเหมือนชั่งใจชั่วครู่
แต่ก็ลุกขึ้นมาเดินมาทางร่างสูงอย่างจำยอม
...เพราะหิวหรอกนะ...
“ก้มลงมาหน่อยสิ”เงยหน้ามองมาร์คแบบไม่ชอบใจนัก
หล่อแล้วยังมาสูงกว่าแบบนี้อีก ฮึ่มๆ
“หาทางเองสิ”ตอบแบบไม่ใยดี
ยิ้มมุมปากรอดูว่าคนตัวเล็กจะทำอย่างไรต่อไปด้วยสีหน้าเพลิดเพลิน
การแกล้งมนุษย์ตัวจ้อยคนนี้คือความสุขอย่างหนึ่งของเขาเลยล่ะ
แจ๊คสันครางฮึมฮัมในลำคอแค้นลึกๆ
เขย่งกายขึ้นใช้ริมฝีปากประกบจูบลงบนปากสวยนั่นเบาๆ ทันทีที่ผิวแตะกันร่างเล็กก็ต้องครางฮือเมื่อโดนมือแกร่งกดหลังคอให้ปากแนบสนิทกันมากยิ่งขึ้น
นิ่วหน้าเจ็บนิดหน่อยตอนโดนเขี้ยวขาวบังคับให้เปิดปากออกให้เรียวลิ้นแข็งแรงผ่านแทรกเข้ามาชิมโพรงปากด้านในได้
มือขาวกำเสื้อมาร์คไว้แน่น จมูกรั้นพยายามถอนหายใจให้ทันอย่างอย่างยากลำบาก
ดวงตากลมปรือปรอยหลงไปกับรสจูบแสนรุนแรงและยาวนาน
กว่ามาร์คจะถอนจูบออกแจ๊คสันก็เกือบสลบไปอีกรอบ
อกบางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างหนักหอบแฮ่กเหนื่อยราวกับวิ่งรอบปราสาทสักสิบรอบได้
ล้มแน่ๆถ้าไม่ได้อ้อมแขนแกร่งดันหลังเอาไว้
มาร์คเลียริมฝีปากชื้นของตัวเอง
ก้มลงจูบเบาๆบนริมฝีปากอิ่มแดงของมนุษย์ตัวจ้อย จูบที่ไม่ได้เกิดเพราะรักหรือใคร่
แต่มาร์คจูบเพื่อ ‘กิน’ กินพลังงานชีวิตของมนุษย์อย่างแจ๊คสัน ที่บังเอิญโชคร้ายมาเจอกับเขาเข้า
“รสชาติดีเหมือนเดิม”
แก้มกลมขึ้นสีแดงจัดเพราะถ้อยคำคล้ายคำลามกนั่น
ถึงจะรู้ว่ามาร์คหมายถึงพลังชีวิตของเขาก็เถอะ
พลังชีวิตของมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจอยู่อย่างแจ๊คสันนั้นเปี่ยมล้นเต็มร่าง
แถมยังสามารถฟื้นฟูได้แม้จะโดนเขาดูดกินไปมากเท่าไหร่ก็ตาม ไม่เหมือนพวกร่างไร้วิญญาณที่จะเหลือไอพลังเพียงเล็กน้อยให้มารคได้ดื่มกิน
มาร์คถึงได้กักขังร่างเล็กไว้ เพื่อเป็นอาหารประจำกาย...
“ปล่อยผมสักทีสิ
อยากกินข้าวแล้ว”
“เจ้านี่ชอบเสียงดังจริงๆเลย”
ข้อเสียของแจ็คสันที่มาร์คไม่ชอบคือชอบเสียงดัง
ลูซิเฟอร์ชอบอยู่คนเดียวและชอบที่เงียบสงบ แต่พอมีมนุษย์ในร่างคูสิทมาอยู่ด้วย ปราสาทเงียบเหงาก็พลันหนวกหูขึ้นทันที
-*-
แจ๊คสันเบี่ยงกายออกจากอ้อมแขนของมาร์ค
กอดอกรอคนตัวสูงที่มีท่าทีกวนประสาท ชมนกชมไม้แล้วค่อยบุ้ยใบ้ไปทางด้านหลัง
แจ๊คสันหันไปมองปั๊บก็หันหลับมาเหวี่ยงร่างสูงทันที
ก็วางอยู่บนโต๊ะนั่นตลอดแต่ก็ไม่ยอมบอกเขา
เดินดุ่มๆไปคว้าจานผลไม้ขึ้นมากอดไว้กับตัว
นั่งจุมปุ๊กบนพื้น โยนผลองุ่นสีแดงเข้าไปทีละลูกๆ
ใจจริงก็คิดถึงเนื้อหมูนิ่มๆอยู่หรอกนะ แต่ที่นี่ดันไม่มี
ก็มีแต่ผลไม้เท่านั้นแหละที่เขาพอกินได้ กลายเป็นมังสาวิรัสโดยจำยอมตามสภาพสถานการณ์
กินจนหมดก็ยังไม่รู้สึกอิ่ม แต่ก็ไม่กล้าขอเพิ่ม
เหลือบตามองดูคนตัวสูงที่นั่งอ่านอะไรไม่รู้บนเตียงใกล้ๆ
“ไม่อิ่มรึไง”ถามทั้งที่ตายังอยู่บนตัวหนังสือ
แจ๊คสันสะดุ้งนิดหน่อย แต่ก็ผงกศีรษะตอบ
มาร์คถอนหายใจเฮือกใหญ่
วางหนังสือทิ้งไว้บนเตียง ลุกขึ้นมาลากโซ่คนตัวเล็กให้เดินออกมาทะลุอีกห้องหนึ่งที่มีแต่โซฟาและชั้นหนังสือวางเรียงรายเต็มไปหมด
ดีดนิ้วหนึ่งเป๊าะโซ่ที่เดิมอยู่บนมือเขาก็กลับไปล็อกไว้ตรงเสาเงินกลางห้องแทน
“พาผมมานี่ทำไม?”
มาร์คไม่ตอบคำถามนั้นของแจ๊คสัน
เดินกลับออกไปพร้อมคำสั่ง
“อยู่ที่นี่จนกว่าฉันจะกลับมา”
มาร์คบอกแค่นั้นแล้วเดินออกไปจากห้อง
ประตูห้องปิดดังปัง ทิ้งแจ็คสันไว้ในห้องใหญ่ที่เงียบเชียบและวังเวง
...นี่คิดว่าเขาชอบเหมือนที่วังเวงๆเหมือนตัวเองรึไงวะ
ถึงได้เอามาขังไว้ในห้องสมุดน่ะ!!!...
“แม่มมมม”
เดินไปเดินมานึกหงุดหงิดใจ
รู้สึกว่างจะบ้า
รู้สึกเหมือนตัวเองจะกลายเป็นโรคประสาทเพราะไม่ได้คุยกับใครเลยมาตลอดห้าวัน
ยกเว้นมาร์คที่ถามคำตอบคำนั่นล่ะนะ
ลองหยิบหนังสือขึ้นมาดู
พอเปิดปุ๊ปก็ต้องปิดปั๊ป ภาษาบ้าอะไรก็ไม่รู้ยึกยืออยู่เต็มหน้ากระดาษ
เปิดอีกเล่มก็เจออีก แต่พอเปิดไปหลายๆเล่มถึงรู้ว่ามีหลายภาษา
เหมือนคุ้นๆตาว่าจะมีภาษาของโลกมนุษย์อยู่ด้วย
มันอาจจะมีหนังสือภาษาที่เขาพอจะอ่านออกบ้างล่ะ
แต่จะให้ขยันเปิดมันทุกเล่มทุกชั้นก็ไม่มไหวเหมือนกัน
เดินกลับมานั่งกอดเข่าที่โซฟา
ส่ายหัว ส่ายหาง ฮัมเพลงในลำคอที่พอจำได้อย่างไม่รู้จะทำอะไรดี สักพักก็เริ่มเบื่อ
ลุกขึ้นกระโดดโหยงเหยงวิ่งรอบโซฟาเล่น
เหนื่อยก็หยุดเอนตัวลงบนพนังของโซฟานอนลงไปด้วยท่าทางประหลาด เป่าปากเสียงดังฟู่ว
ตามด้วยการถอนลมหายใจยาวนาน...
.........
........
........
“เบื่อโว้ยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!”ร้องลั่นห้อง มือขาวขยี้หัวตัวเองจนยุ่ง ใบหูสีดำตั้งขึ้นหงุดหงิดได้ที่
หัวกลมหย่อนลงไปจากโซฟาเกือบเลือดตกหัวตายแล้วถ้าตาไม่เหลือบไปมองเห็นซอกเล็กๆระหว่างชั้นหนังสือที่มีประตูบานเล็กปิดแน่นอยู่
กระเด้งตัวขึ้นจากโซฟา
หรี่ตามองประตูบานนั้นชัดๆ เดินเข้าไปใกล้จึงเห็นรายระเอียดของประตูที่เป็นประตูเหล็กตกแต่งลวดลายชดช้อยสวยงามคล้ายลายปีกนางฟ้า...
...มีอะไรสวยๆแบบนี้อยู่ในวังของลูซิเฟอร์ได้ยังไงกันนะ...
นิ้วแตะลงบนบานประตูแบบไม่ได้คิดอะไร
เสียงกริ๊กทำเอาเขาสะดุ้งโหยง กระพริบตาปริบๆมองประตูที่ค่อยๆเปิดอ้าออกมาช้าๆ
เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน
“ลูกแก้ว?”
ลูกแก้วใสแจ๋วขนาดเท่ากำปั้นนอนนิ่งอยู่ในนั้น
แจ๊คสันหยิบมันออกมาดูด้วยความสงสัยว่ามันไปอยู่ในนั้นได้ยังไง
ไม่ทันได้คิดอะไรเพิ่มก็แทบจะโยนลูกแก้วนั่นลงพื้น เมื่อเสียงหวานใสทักทายออกมา…
“สวัสดีจ้า
แจ๊คสัน”
ว๊ากกกกกกกกกกกก!!!
“นายนี่เสียมรรยาทชะมัด
เห็นหญิงสาวแสนสวยแบบฉันแล้วร้องเหมือนเจอผีแบบนั้นได้ยังไงกัน”เสียงหวานของหญิงสาวในลูกแก้วดุคนที่นั่งขัดสมาธิทำหน้ายู่หูตกอยู่ใกล้ๆ
“เธอนี่ขี้บ่นจริง”
“เอ๊ะ!!
นายนี่”หญิงสาวแว๊ดลั่น ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวคล้ายจะพุ่งออกมาตะครุบคนปากเสียชั่วครู่
ภาพเลือนหายไปสักพักก่อนจะหญิงสาวจะกลับมาพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มเฉกเช่นเคย
...เปลี่ยนสีหน้าเร็วชะมัด...
หญิงสาวปริศนาที่โผล่ขึ้นมาบนลูกแก้วมีใบหน้างดงามหวานหยาดเยิ้ม
ดวงตาเรียวกลมชี้ขึ้นนิดๆเหมือนลูกแมวตาใสแจ๋ว จมูกเล็ก ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ
เรียกได้ว่างดงามอย่างเทพธิดาเลยทีเดียว
แต่แปลกว่าแจ๊คสันไม่ยักกะหลงเสน่ห์เจ้าหล่อนแฮะ -*-
“ว่าแต่เธอเป็นใครน่ะ
ทำไมมาอยู่ในนี้ได้ โดนมาร์คจับขังไว้รึไง”
“ไม่ย่ะ
ลูซิเฟอร์มีพลังมากแต่ยังไงก็สู้ฉันยากอยู่ดี ฉันคือ แอสทารอส เชียวนะ!”
“ชื่อยาว
ขี้เกียจเรียก”เคะขี้หูทำหน้าตายใส่หญิงสาว
พลางคิดว่าเป็นคนที่ยุขึ้นง่ายจริงๆเลยนะ...
“มีปัญหากับชื่อฉันนักรึไงยะ
เดี๋ยวปั๊ดตบ โอ๊ยยยย เอางี้เรียกฉันว่า เจอาร์”
“เจอาร์?
ชื่อแมนไปป่ะครับ”ยักคิ้วหลิ่วตากวนส้น
ขนาดที่ว่าแอสทารอสแทบจะพุ่งออกมาบีบคอขาวๆนั่นจริงๆ
“กรี๊ดดด
ไม่คุยด้วยแล้ว! เออ...อย่าเอาเรื่องนี่นายเจอฉันไปบอกใคร
เข้าใจไหม”จู่ๆหญิงสาวก็เตือนน้ำเสียงจริงจัง ดวงตากลมนั่นไม่มีแววล้อเล่น
“ทำไม?”
“อย่าบอกใคร...”เจอาร์บอกแค่นั้น
แล้วภาพหญิงสาวก็เลือนหายไป เหลือเพียงลูกแก้วเปล่าลูกเดิม...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น