[SF] Heart to Heart [CHANMIN]

TITLE: Heart to Heart
COUPLE: CHANSUNG x MINJUN [CHANMIN]
RATE: PG-15
BY: Silverfeather29 /@silverfeather29/
----------------------------------------------




Heart to Heart






 “มินจุน พอได้แล้ว ได้เวลาแล้วนะ”เสียงของพี่ผู้จัดการเรียกคนที่ยังพะว้าพะวงจัดผมตัวเองหน้ากระจกด้วยความไม่พอใจ ก็คนอื่นเขาไปเตรียมตัวตั้งนานแล้วแต่เจ้าพี่ใหญ่ของวงยังไม่เสร็จดีกับทรงผมตัวเอง

“ครับๆ”มินจุนตะโกนบอก เหลือบมองกระจกเป็นครั้งสุดท้าย ดวงตาเรียวตกสมฉายาแพนด้าตาตกมองผมตัวเองที่โคดี้นูน่าอุตส่าห์จัดทรงไว้ให้ด้วยความรำคาญ ถ้าไม่ติดว่าตัดไม่ได้พ่อลงกรรไกรตัดฉับไปนานแล้ว

“จุนเคฮยอง”คราวนี้คนที่มาตามคือเจ้าหมีน้องเล็กของวง หน้ามึนๆแต่หล่อลากชะมัดของเจ้าตัวโผล่เข้ามากะทันหันจนพี่ใหญ่สะดุ้งเฮือก

“ย่า! ชานซอง อย่ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียงอย่างนี้สิ”

คนในห้องแต่งตัวบ่นเสียงดังแต่ไม่กระเทือนมักเน่ที่หัวเราะเสียงดังไม่แพ้กัน ก็พอเห็นปฏิกิริยาน่ารักๆแบบนั้นของคนชอบเก๊กก็อดฮาไม่ได้ ก้าวเท้าเข้าไปในห้องยืนประจันหน้าคนตัวเล็กกว่าแม้จะใส่รองเท้าเสริมส้นเข้าไปแล้วก็ตาม ดวงตาคมที่ชอบเหม่อลอยจับจ้องใบหน้าคนที่ยังทำหน้ามุ่ยเพราะผมตัวเอง แต่พอมินจุนรู้สึกว่าคนตัวโตเงียบไปก็เลยเงยหน้าขึ้นไปมอง พอดีกับที่ชานซองมองมาพอดี ใบหน้าขาวโป๊ะเครื่องสำอางของคนตัวเล็กกว่าก็เริ่มแดงระเรื่อ มือหนาอ้วนเอื้อมมือขึ้นมาจะไปจัดทรงให้คนตัวเล็กกว่า

“เดี๋ยวเถอะ ชานซอง! ฉันบอกให้มาตามมินจุน นี่หายไปทั้งพี่ทั้งน้อง รีบมาได้แล้ว เวทีสแตนบายแล้ว”เสียงผู้จัดการดังเข้ามาในห้อง มือหนาชะงักก่อนจะเปลี่ยนทิศทางมาคว้ามือมินจุนลากเดินออกไปจากห้องแต่งตัว หัวใจที่เต้นแรงเมื่อครู่เริ่มกลับสู่สภาวะปกติเมื่อคนตัวโตผละตัวเองออกไปยืนตามตำแหน่งที่วางไว้ให้ หลับตาลงทำสมาธิ หูรับรู้ได้ถึงเสียงกรีดร้องเรียกชื่อพวกเขาอยู่หน้าเวทีนั่น


ดวงตาระริกเปี่ยมเสน่ห์แสนแพรวพราวจุดขึ้นมาทันทีเมื่อพวกเขาขึ้นก้าวขึ้นไปบนเวที เสน่ห์ของชายหนุ่มที่ทั้งยั่วยวนแต่ก็แอบแสนซนเหมือนเด็กๆเขย่าหัวใจฮอตเทสที่อยู่หน้าเวทีเหลือเกิน ไปนับความทะเล้นทะลึ่งเซอร์วิสแฟนๆอยู่สม่ำเสมอราวกับคนในวงกำลังแข่งกัน เรียกเสียงกรี๊ดเสียงเชียร์อยู่ไม่ขาด ความสนุกบนเวทียังคงล้นปริ่มสมกับเป็นวงที่ขึ้นชื่อเรื่องเพอร์ฟอร์แมนซ์บนเวที

แต่เมื่อการแสดงจบไปก็เหลือเพียงเด็กหนุ่มในคราบชายหนุ่มที่พูดคุยหยอกล้อกันขำขันเรียกเสียงหัวเราะไม่ขาดสาย พี่ใหญ่ของวงก็ยังคงพูดมากเหมือนปกติแต่วันนี้ผิดปกติหน่อยตรงที่มินจุนดูจะสะบัดซ้ายสะบัดขวาทำหน้ารำคาญผมด้านหน้าตัวเองจนแฟนๆก็ยังจับสังเกตได้

ชานซองที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นคนตัวเล็กยุกยิกๆอยู่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เมื่อเปลี่ยนประเด็นเปลี่ยนคนพูด ร่างสูงก็ขยับเข้าไปใกล้ เอื้อมมือขึ้นไปจัดทรงผมให้พี่ใหญ่ของวงอย่างถือวิสาสะไม่สนสายตาคนดูและเพื่อนร่วมวง คนตัวเล็กหันหน้าไปสบตามองปรามๆไปทีแต่หมีตัวโตก็หาสนใจไม่ พอดีกับที่แทคยอนร้องเพลง Lets it rain ขึ้นมา มินจุนหัวเราะคิกๆแต่ตายังไม่ละไปจากใบหน้าคมของน้องชาย

“เดี๋ยวผมจัดให้ ฮยองสะบัดซ้ายทีหวาทีมันน่ารำคาญใช่ไหมล่ะ”

มันก็ใช่อ่ะนะ มีคนจัดให้ดีจะตาย...คิดอย่างนั้นเลยยืนนิ่ง ร้องเพลงคลอท่อนที่แทคยอนร้องไปเมื่อครู่เบาๆ แทคยอนก็มีหน้าที่พูดต่อไป ส่วนมินจุนก็เบี่ยงตัวมายืนประจันหน้ากับร่างสูงให้จัดผมให้เขาได้ง่ายๆ นานพอสมควรกว่าที่คนตัวสูงจะลดมือลง

มินจุนหันไปมองคนตัวโตขวับ เลิกคิ้วถามเป็นเชิงเสร็จแล้วเหรอ

“เสร็จแล้ว?”

“อืม” ชานซองก็พยักหน้ารับ คนตัวเล็กกว่ารู้สึกยังไม่พอใจสะบัดศีรษะจนผมคืนทรงที่ตัวเองต้องการ ก่อนชี้ถามความเรียบร้อยอีกครั้งกับคนเดิม คราวนี้ชานซองตอบชัดเจน

“อ่า โอเคแล้ว”

“คุณจุนเค...”แทคยอนเรียกชื่อเขาพอดีกับที่ชานซองจัดผมให้เสร็จ ยังไม่ได้เอ่ยขอบคุณ ร่างเล็กเลยกลับมาพูดคุยต่อทันทีทันใด ส่วนชานซองกลับมาฟังการสนทนาต่อเล็กน้อยก่อนที่จะเข้าสู่เพลงถัดไป


พอการแสดงสุดท้ายจบลงพร้อมเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือ พวกเขาก็รีบเดินลงมาให้การวงต่อไปได้แสดงต่อ รับการโค้งเคารพของรุ่นน้องและโค้งขอบคุณพี่ๆทีมงานอย่างน่าเอ็นดูเสร็จก็รีบดิ่งเข้าห้องแต่งตัวไปเปลี่ยนชุดเพื่อกลับไปพักผ่อน

“แหม่ๆๆๆ หวานกันไม่แคร์กล้องนะครับนะ”จุนโฮเป็นคนแรกที่เปิดประเด็นแซว ดวงตาตี่เรียวเล็กพราวระยับมองชานซองสลับกับมินจุนไปมา

“นั่นสิเนอะ แหม่ะ ทำไมชานซองไม่ทำอย่างนี้ให้ผมบ้างเนอะ ใช่ไหมแทคฮยอง”อูยองตบมุขทันควันส่งไม้ไปให้พี่ชายอารมณ์ดีที่ยักคิ้วน่าหมั่นไส้ ฉวยเอามือนิชคุณที่กำลังปลดเสื้อนอกออกมายืนประจันหน้ากัน พี่คนรองดูจะงงนิดหน่อยแต่ไม่ช้าก็ตามมุขทัน ใช้มือบางของตัวเองจัดทรงผมให้คนแก้มตอบที่ยืนกระพริบตาปริบๆอ้อนๆอยู่ต่อหน้า เรียกเสียงหัวเราะจากเด็กแฝด (นรก) เป็นอย่างดี

“ย่า! พวกนายนี่จริงๆเลย เงียบไปเลยๆ”

พอเถียงไม่ได้ก็โวยวายกลบเกลื่อนทุกทีสิน่า คิม มินจุน

น่าแกล้งขนาดนี้ แล้วจะไม่ให้โดนแกล้งได้ยังไงกันล่ะ จริงไหม?...




ทันทีที่ได้ที่นั่งบนรถตู้แต่ละคนก็สัปหงกเพราะความเหนื่อยล้าตามกันไป แถวหลังคือนิชคุณและแทคยอนที่ขนาดตอนมันนอนมันยังหวานกันได้ ศีรษะเล็กซบที่ไหล่กว้างในขณะที่มือแกร่งรวบเอวบางเข้ามาใกล้ หวานจนน้ำตาลขึ้น ส่วนสองแฝดก็สลบไสลคาไอแพดไอพอดของพวกมันที่นั่งข้างหน้า มีแต่มินจุนที่ยังตื่นอยู่ในรถ ชานซองไม่ต้องพูดถึง เข้าพวังไปตั้งแต่รถยังไม่เคลื่อนด้วยซ้ำ...

เมื่อมันเงียบก็เบื่อ เอื้อมมือจะไปกำลังจะไปหยิบตระกูลไอทั้งหลายในกระเป๋ามาเล่น แต่จู่ๆก็มีมืออ้วนมาคว้าหมับเข้าไว้ก่อน สะดุ้งเฮือกตกใจ ส่งสายตาเคืองๆไปให้เจ้าหมีเจ้าเล่ห์ตัวโตที่แกล้งหลับอยู่ข้างๆ

“ชานซอง ไม่ต้องแกล้งหลับตื่นขึ้นมาเลย”

“ฮยองยังไม่ได้ขอบคุณผมเลย”มักเน่ของวงเอ่ยขึ้นทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาและไม่ปล่อยมือมินจุนด้วย

“เอ๊ะ ที่ทีนี้เพราะหวังผลเหรอไอ้หมี ไอ้บ้า”

“ผมไม่หวังผลหรอก แต่ถ้าหวังอย่างอื่นล่ะไม่แน่”คำพูดกำกวมแบบนี้ทำเอาใบหน้าขาวเห่อร้อนเม้มปากแน่นไม่รู้จะพูดอะไร

“ปล่อย”

“ผมรอคำนั้นอยู่นะ”

“เออๆ ขอบคุณนะตอนอยู่บนเวที”

“ไม่ใช่คำนั้น”

...เอาล่ะ คิม มินจุนถึงกับสตั๊นล่ะครับพี่น้อง...

“ไม่มีแล้ว คำไหนอะไรของนายกัน”พูดบ่ายเบี่ยงพยายามขืนมือตัวเองออกจากอุ้มมืออุ่นแต่จู่ๆมือนั้นก็คลายออกโดยง่าย มินจุนถึงกับงงว่าทำไมมันปล่อยง่ายจัง มองชานซองที่ยังอยู่ท่าเดิมไม่เปลี่ยน แต่...อืม...สีหน้านั้นดูแปลกๆไปรึเปล่านะ หรือว่าเขาดูผิดไปกันแน่




ผิดปกติ ผิดปกติโครตๆ

มินจุนเอ่ยขึ้นในใจ เมื่อคนที่คอยจะอยู่ข้างเขาทำตัวเหินห่างจนน่าใจหาย ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนมักเน่ตัวโตของวงนั่นแหล่ะ ทั้งที่ปกติจะชอบมาอ้อมซ้ายอ้อมขวาถามนั่นถามนี่เขาแท้ๆ แต่นี่นั่งอยู่ใกล้กันแท้ๆแต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ

“นี่ ชานซอง...”

พออ้าปากจะพูดด้วยก็ลุกเดินหนีไปเสียเฉยๆ พี่ใหญ่ของวงแต่ไร้อำนาจแบบสุดๆถึงกับทำหน้าเหวอ ปากค้างไปเลย ก่อนใบหน้าหวานจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าขุ่นเคือง ปากบางยื่นออกมาน้อยๆ ผุดลุกขึ้นเดินลงส้นเท้าเข้าห้องตัวเองไปเหมือนกัน

...ในเมื่อนายมันไม่มีเหตุผล ฉันก็งอนไม่มีเหตุผลเหมือนกันล่ะเว้ย!...







สมาชิกในวงมองหน้ากันก่อนมองตัวก่อรังสีทึมๆในห้องทั้งสองคนไปมาอย่างไม่รู้จะแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้านี้ยังไงดี

ชานซองนั่งเอนหลังพิงโซฟาอ่านหนังสือแนวปรัชญาที่ตนเองชอบหลุดเข้าโลกส่วนตัวของตัวเองเหมือนทุกครั้ง ส่วนมินจุนที่นั่งอยู่ตรงขอบหน้าต่างบานใหญ่ในหูมีหูฟังเปิดอัดหูไม่สนโลกภายนอกเหม่อมองดูภาพกรุงโซลยามค่ำคืนเงียบผิดปกติ

...ตอนเย็นก็ยังหวานกันอยู่เลย มาตอนค่ำทำไมมันปล่อยรังสีทะมึนใส่กันอย่างนี้ล่ะพี่น้อง...

“เฮ้อ...”นิชคุณถอนหายใจออกมาเบาๆ เดินขึ้นไปบนห้องแล้วออกมาในชุดเสื้อผ้าชุดใหม่เตรียมออกไปด้านนอก แทคยอนมองคนรักงงๆ ส่งสายตาปริบๆถาม

“อยู่นี่เป็นเด็กดีล่ะแมวยักษ์ เดี๋ยวฉันไปเคลียกับแพนด้าตาตกก่อน”

“เหมียว...”ผู้ชายแก้มตอบตัวโตดัดเสียงแมวตอบให้ดูแบ๊ว ตาใสมองปริบๆจนน้องรองทนไม่ไหวประเคนบาทาถีบพี่ชายลงไปกองกับพื้นเรียกเสียงหัวเราะให้กับนิชคุณและอูยองเป็นอย่างยิ่ง

เสียงหัวเราของเพื่อนร่วมวงเรียกความสนใจจากชานซองให้ลดหนังสือในมือลงและมามอง

“นั่นฮยองลงไปครุบหนูทำไมน่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นแมวเอาใจพี่คุณขนาดนั้นก็ได้มั้งครับ”

“เงียบไปเลยไอ้หมีบ้ากล้วย”

“อะไรเล่าฮยองผมพูดดีๆนะ”ใบหน้าหล่อยกยิ้มกวนออกมาทำเอาหางตาคนเป็นพี่กระตุกยิกๆ

“พูดดีบ้านแกดิครับ คุณชานซอง”

จากนั้นก็คือภาพแมวยักษ์ลงไปตะลุมบอนกับหมียักษ์จนข้าวของกระเด็นไปคนละทิศคนละทางโดยเด็กแฝดผสมโรงเชียร์อย่างเมามัน

เสียงโหวกเหวกโวยวายจากเมมเบอร์ที่ลอดเข้ามาในหูฟังจนมินจุนเกิดความสงสัยถอดหูฟังด้านหนึ่งออกก่อนหันไปมองคนตัวสูงสองคนที่เล่นมวยปล้ำกันสนุกสนานอยู่กลางห้องนั่งเล่น ใบหน้าคมที่ชอบแอบมองประดับรอยยิ้มกว้างมีความสุข เห็นแล้วก็อดเจ็บแปลบที่ใจไม่ได้ ทีกับเขาทำไมต้องมาทำเมนเฉยตึงตังกันด้วยล่ะ แถมเป็นกับเขาแค่คนเดียวด้วยนะ

“มินจุน”

หันไปมองตามเสียงเรียกก็เห็นเจ้าชายของวงในชุดเตรียมพร้อมออกไปด้านนอก ศีรษะเล็กสวมใส่หมวกสีดำและยังใส่แว่นตาแดงที่เจ้าตัวชื่นชอบ มือบางส่งหมวกของตัวเขาเองมาให้ มินจุนทำหน้างงๆกลับไป

“ไปเที่ยวกัน”

“เอ๋ ตอนนี้เหรอ”

“ใช่”ว่าแล้วก็บังคับยัดหมวกใส่ศีรษะอีกคนแล้วลากออกมาทั้งๆที่คนเป็นพี่ใหญ่ยังไม่ได้ทันตั้งสติอะไรเลย

“เฮ้ยๆ เดี๋ยวดิ จะไม่ให้เปลี่ยนชุดก่อนเหรอ เฮ้อ จะรีบไปไหนเนี่ย”เจ้าของเสียงสำเนียงปูซานบ่นงึมงำแต่ก็ยอมโดนนิชคุณลากออกไปง่ายๆ โดยภาพนั้นอยู่ในการมองเห็นของชานซองตลอด แทคยอนที่งงว่าจู่ๆเจ้าน้องชายตัวโตของเขาก็หยุดเล่นเสียดื้อๆก็หันไปมองตาม รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าตอบ คว้าคอชานซองมากอด

“ทำเป็นเมิน ไม่ง้อเสียทีเดี๋ยวก็ถูกหมาตัวอื่นคาบไปกินนะครับ คุณชานซอง”

“ฮยองพูดอะไร”

“ปากแข็งทั้งคู่”แทคยอนปรามาส “ใครไม่รู้ก็บ้าแล้ว ถามไอ้ด้งกับจุนโฮดูก็ได้”

อูยองกับจุนโฮพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับพี่ชายผิวคล้ำ ชานซองถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ผมว่าผมก็ชัดเจนนะ แต่ทำไมเขาไม่ยอมรับผมเสียทีก็ไม่รู้”

“ให้เวลาเขาหน่อย ก็รู้ว่าทางนั้นเขาเป็นยังไงนี่นา”

“รอนานๆมันก็ท้อนะฮยอง”

“เอ๊ะ ไอ้ลูกหมีนี่ กว่าฉันกับคุณแตงอีจะได้กันก็ลองเชิงกันตั้งสี่ปี อย่ามาทำบ่นเลยน่ะ”แทคยอนผละออกมาท้าวเอวทำหน้าน่าหมั่นไส้อวดเต็มที่ว่ามีเมียสวย แต่วินาทีต่อมาหมอนอิงสองใบก็กระแทกหน้าหล่อเข้าเต็มๆ ฝีมือก็ไม่ใช่ใครไหนไกลก็สองแสบที่แลบลิ้นปลิ้นตาใส่นั่นแหล่ะ

“หนอย ไอ้สองแสบ!”จากนั้นเป้าหมายของแทคยอนเลยเปลี่ยนเป็นสองแสบที่วิ่งหนีแยกกันไปคนละทางอย่างแสบสันสมคำเรียก ทิ้งให้หมีตัวโตนั่งมองประตูหน้าหอที่ตัวชนวนก่อเหตุกับหัวใจเดินออกไปเมื่อครู่เพียงคนเดียว...


ฟุตบาทริมถนนกรุงโซลยามเกือบเที่ยงคืนเงียบสงบไร้ผู้คน รถยนต์บนท้องถนนก็เบาบาง ร้านรวงตามข้างทางก็เริ่มจะปิดไปหมดแล้ว จะเหลือก็แต่พวกซุปเปอร์มาเก็ตขนาดเล็กแถวหอที่ยังส่องแสงสว่างงให้บริการยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวันไม่ว่างเว้น

หลังออกมาจากหอนิชคุณ็เดินนำเขาออกมาตามถนนสายนี้ที่ไม่ใช่ย่านเที่ยวเลยด้วยซ้ำ แล้วจะบอกว่ามาเที่ยวทำไม คิมมินจุนเซ็ง...

“นี่ คุณ นายจะพาฉันเดินไปไหนเนี่ย”ในที่สุดก็ทนความเงียบไม่ไหวถามออกไป ใบหน้าเล็กขาวมองกลับมาทำหน้าคิดเพียงครู่แล้วตอบ

“เดี๋ยวก็ถึง ไปซื้อของกันก่อนแล้วกัน”

ทั้งสองเดินเข้ามาในซุปเปอร์ที่ยังมีลูกค้าห้าหกคน มินจุนอดขยับหมวกตัวเองให้บังใบหน้าตัวเองเอาไว้ด้วยความประหม่าไม่ได้ เดินก้าวฉับๆตามนิชคุณไปเงียบๆ ไม่สนสายตาคนในร้านที่มองพวกเขาด้วยความสนใจ แน่ล่ะคนที่สูงแถมออร่ากระจายขนาดนี้จะไม่ให้มองได้ยังไง โดยเฉพาะคนตัวขาวตรงหน้าเขาเนี่ยยิ่งตัวเรืองแสงนีออนโอโม่พลัสชัดๆ

เขาเปิดประตูหยิบกระป๋องเบียร์ขึ้นมาสองกระป๋องก่อนชะงัก มองหน้านิชคุณที่เลือกขนมอยู่อีกทางก็วางอีกกระป๋องลง เอื้อมไปหยิบน้ำผลไม้กระป๋องแทน

เมื่อจ่ายเงินเสร็จทั้งสองก็เดินเรื่อยเอื่อยเฉื่อยตามริมถนนเหมือนเดิม มินจุนดื่มเบียร์ในกระป๋องไปหลายอึก เหลือบมองคนข้างกายที่จิบน้ำผลไม้ไปเงียบๆ นิชคุณพาเขามาถึงสวนสาธารณะแถวหอพักที่ตอนนี้แสนจะเงียบเชียบจนดูวังเวงแปลกๆ ถ้าไม่มีไฟมันก็คงดูน่ากลัวไปเลยล่ะ เจ้าชายไทยทรุดนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวทำให้มินจุนต้องนั่งตาม

...บอกตรงๆ เขายังไม่เข้าใจว่านิชคุณจะลากเขาออกมากลางดึกทำไม

“นี่คุณนายพาฉันออกมาทำไมน่ะ”

“ฉันกับแทคยอนน่ะ”จู่ๆนิชคุณก็พูดขึ้นจนมินจุนต้องตั้งใจฟัง “เมื่อก่อนฉันทำตัวติดแทคยอนยังกับปลิงเพราะพูดเกาหลีไม่ได้ เจ้านั่นก็ใจดีเป็นล่ามส่วนตัวจนโดนแยกเพราะขืนให้ตัวติดกันต่อฉันต้องพูดเกาหลีไม่ได้แน่ๆ ตอนนั้นจับแยกแบบไม่ให้คุยกันเลยด้วยซ้ำมั้ง รู้ไหมหมอนั่นทำยังไง...”

ใบหน้าสวยหวานเยาว์วัยนั้นดูมีความสุขเมื่อได้พูดถึงเรื่องคนรักและตนเองในอดีต “หมอนั่นแอบปีนขึ้นมาบนห้องนอนฉันตอนกลางคืน มาคุยกัน มาเล่นกัน มันน่าจะเป็นตอนนั้นที่พวกเราเริ่มชอบกันนะ แต่ก็นั่นแหล่ะ ตอนนั้นยังเด็กแถมกำลังจะเดบิวใครมันจะไปคิดเรื่องอย่างนี้กันล่ะ ก็เลยเก็บความรู้สึกนั้นไว้ ใส่ใจกับงาน หมอนั่นก็ทำงาน ฉันก็ทำงาน สุดท้ายพวกเราก็ดูเหมือนห่างกันไปเรื่อยๆ”

“พวกนายไม่เห็นห่างกันสักนิด”มินจุนเถียง

“กายน่ะไม่ แต่ตรงนี้...”นิชคุณชี้ไปที่อกของตัวเอง “ตรงนี้ต่างหากที่มันห่างไป ตอนแทคยอนเดตกับยุนอาทำเอาฉันรู้สึกเหมือนโดนสาดน้ำแรงๆใส่หน้า ฉันเลยเอาคืนด้วยการทำหวานใส่วิกตอเรีย ยังจำได้เลยตอนรายการนี้ออกครั้งแรก แทคยอนโกรธขนาดไหน เมาเหล้าหัวราน้ำกลับค่ำจนโดนพี่มินแจดุ เป็นอย่างนั้นสักพักจนรายการจบ แล้วพวกเราก็กลับมาเป็นปกติ ไม่สิ ดูเหมือนปกติ บางอย่างในใจมันไม่ปกติตั้งนานแล้วแต่ฉันยังไม่ยอมรับใจตัวเองไง”

พอนิชคุณเล่ามาถึงตรงนี้มินจุนก็ก้มหน้าลงเหมือนรู้สึกโดนอะไรบางอย่างแทงลงกลางใจ มือกำกระป๋องเบียร์เอาไว้ กระดกมันหนึ่งคำ หูก็ฟังเรื่องเล่าของเพื่อนสนิทต่อ

“จำได้ไหมว่าพวกฉันคบกันตอนไหน ใช่แล้ว ตอนหมอนั่นเล่นงัดข้อกับจุนโฮจนแขนหักไง นึกกลับไปแล้วขำเป็นบ้า คนตัวโตแต่แขนหักเพราะเล่นงัดข้อกับคนในวง แต่ตอนนั้นมันไม่ใช่เลย ความเป็นห่วง ความโกรธ หลายๆอย่างตีหมุนกันในหัวจนแทบบ้า ตอนนั้นแทบร้องไห้ด้วยซ้ำ แต่พอเห็นหน้าหมอนั่นน้ำตาก็ไหลมาเอง แทคยอนจนต้องได้กอดปลอบฉันแทน ตอนนั้นแหล่ะ ที่ฉันเริ่มรู้ใจตัวเอง มันคงถึงจุดอิ่มตัวแล้วมั้ง ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ บางที..ฉันอาจจะเสียเขาไปก็ได้”

“...”

“มินจุน... จะรอให้เสียเขาไปเหรอ?”

กระป๋องเบียร์ในมือถูกกระดกขึ้นครั้งสุดท้าย ความคมปร่าของแอลกอฮอร์แล่นลงสู่ลำคอแสบเล็กๆ โยนกระป๋องเปล่าลงขยะ หันมาบอกนิชคุณ

“คุณ ฉันขอกลับหอก่อนนะ”

“อืม ไปเถอะ”ใบหน้าหวานส่งยิ้มมาให้ มองแผ่นหลังของพี่ใหญ่ที่ผลุนผันวิ่งออกไปยิ้มๆ

“อ้าว ไปแล้วเหรอ”ร่างสูงใหญ่ของคนคุ้นตาก้าวออกมาจากเงาต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง นิชคุณตอบกลับไปโดยไม่หันไปมอง

“อืม ไปแล้วล่ะ ไปหาหัวใจของตัวเอง”

“หืม แล้วหัวใจของคุณแตงอี อยู่ไหนกันนะ”แทคยอนอ้อมเก้าอี้ยาวมาพุ่งกอดร่างเล็กที่หวงนักหวงหนา ส่งสายตาปิ๊งๆไปให้ นิชคุณมองหน้าแมวยักษ์ตัวโตนิ่ง ใช้มือเรียวบิดแก้มตอบอย่างหมั่นไส้

“รู้แล้วก็ยังจะถามอีกเจ้าเหมียว กลับหอเถอะ ฉันหนาวแล้ว”

“ครับๆ”แทคยอนลุกขึ้น ส่งมือไปให้ร่างเพรียวจับแล้วดึงขึ้นมาจับมือกันเดินกลับหอ ระหว่างทางก็ชมนกชมไม้ไปเรื่อยถ่วงเวลาให้อีกคู่ได้ทำความเข้าใจกันก่อนที่พวกเขาจะกลับไปถึง




มินจุนหยุดวิ่งเมื่อมาถึงประตูหอ ทั้งเหนื่อยทั้งหอบเพราะวิ่งไม่หยุดตั้งแต่สวยสาธารณะมาถึงที่นี่ กับเขที่ไม่ชอบออกกำลังกายเหมือนน้องๆระยะทางแค่ขนาดนั้นมันก็ไกลใช่เล่นเหมือนกัน สูดหายใจเข้าไปลึกๆผลักประตูเข้าไปในหอที่คาดว่าชานซองน่าจะเข้าห้องนอนไปแล้ว แต่พอบานประตูเปิดออกก็พบชานซองที่ยังนั่งอ่านหนังสือเล่มเดิมที่โซฟาตัวเดิมที่เดิมแม้แต่ชุดก็ยังชุดเดิม

...รอเขาเหรอ เขาจะยังให้ความหวังตัวเองอย่างนั้นได้รึเปล่า...

ที่จริงก็ทำใจมาตลอดทั้งทางแล้วล่ะนะ แต่พอมาเจอหน้าคู่กรณีไอ้ความกล้ากับคำพูดที่ตระเตรียมไว้ก็หายไปหมดเลยนี่สิ

...แย่ชะมัด...


ชานซองหันมามองเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ตาคู่โตคมกริบหันมามองเพียงครู่แล้วเบนกลับมาหาหนังสือต่อทำเอามินจุนฉุนกึกกับท่าทางแบบนั้น เดินสามขุมเข้าไปหาคว้าหนังสือออกมาจากมือคนตัวสูง แล้วเอ่ย



“ชานซอง ฉันรักนาย”



“...”เหมือนคนตัวโตเอ๋อกินไปแล้ว ทำท่าเหมือนไม่เชื่อหู จนมินจุนต้องลงไปนั่งคร่อมตักกว้างอย่างถือสิทธิ์ มือเรียวประคองใบหน้าคมเอาไว้ ตาจ้องตาแล้วพูดประโยคเดิมชัดๆอีกรอบ



“ชานซอง ฉัน รัก นาย ได้ยินใช่ไหม ไอ้เด็กเอ๋อ อุบ!”เสียงหวานทุ้มเงียบไปเพราะริมฝีปากของอีกคนที่พุ่งเข้ามาประกบแนบแน่น มือหนารั้งต้นคอร่างเล็กบังคับรับสัมผัสอ่อนหวานที่มอบให้อย่างเต็มที่ คิมมินจุนหลับตารับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ มือที่ประคองใบหน้าคมเลื่อนมาโอบคอร่างสูงแน่น นานกว่านี่ชานซองจะปล่อยริมฝีปากพี่ใหญ่ให้เป็นอิสระ


“นี่พี่เมารึเปล่า ผมได้กลิ่นเหล้า”พอได้ยินประโยคนั้นแทนที่อีกคำที่อยากจะฟัง ทำเอาร่างเล็กชักสีหน้าใส่ มือบางผละจากลำคออีกผ่านมาทุบอกแกร่งแล้วกระโดดลงจากตักหนา แต่คนเป็นน้องก็รู้ทันรีบรั้งเอวสอบเอาไว้แน่นทำให้คนเป็นพี่ได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่บนตักอุ่น

“ฮยองอย่าดิ้น”ชานซองปรามคนในอ้อมแขนที่ยังพยศไม่หยุด

“ปล่อย ไอ้หมีกล้วยซื่อบื้อ ฉันอุตส่าห์รวบรวมความกล้ามาบอกนาย แต่นายกลับบอกว่าฉันเมา ไม่เอาแล้ว ปล่อยยยยย”มินจุนโวยวาย โมโหจริงๆให้ดิ้นตาย อุตส่าห์รวบรวมความกล้ามาตลอดทาง มาถึงกลับโดนพูดอย่างนี้ใส่

...คิม มินจุน งอน ฮวางชานซองระดับ 10!...

“บอกให้หยุดไงฮยอง รู้ไหมเนี่ยว่าดิ้นทับอะไรผมอยู่ อยากโดนลากเข้าห้องหอตั้งแต่วันแรกที่สารภาพรักรึไงครับ”

นั่นแหละ เงียบไปเลย ไม่กล้าขยับเลย แต่หน้านวลนี้ขึ้นสีแดงจัดอย่างคนขี้เขิน อร๊ากกก ไอ้หมีบ้าแกพูดอะไรของแก ไอ้หมีลามก!

ชานซองยกยิ้มพอใจเมื่อคนบนตักสงบลงแล้ว แขนแกร่งข้างหนึ่งตวัดรักเอวคนบนร่างส่วนอีกข้างเอื้อมขึ้นมาถอดหมวกของอีกคนออก รีบจนลืมถอดหมวกเลยนะ คนน่ารักของเขาน่ะ แหน่ะหน้าแดงอีก น่าฟัดจริงๆให้ตายเถอะ...

“นี่ฮยอง รู้ไหมผมรอคำนั้นจากฮยองนานแค่ไหน ผมดีใจมากนะที่ฮยองพูดมันออกมา”

“แล้วนายล่ะ ทำไมฉันต้องพูดอยู่คนเดียวด้วย นายก็ยังไม่เคยพูดอะไรกับฉันเหมือนกันนั่นแหล่ะ”พี่ใหญ่หรี่ตาทำแก้มอมลมมองคนร่างสูงที่หัวเราะกับท่าทางน่ารักแบบนั้น ดวงตาคมโตพิศใบหน้าคนบนตักอย่างตั้งใจจนมินจุนรู้สึกเขินตัวจะแตก ทั้งสองเงียบไปหนึ่งอึดใจก่อนชานซองจะพูด


“ผมรักมินจุนมากนะครับ รักมานานมากแล้วด้วย คบกันนะครับ”ถ้อยคำอ่อนหวานเอ่ยเนิบช้าแต่หนักแน่นในอารมณ์ทำให้มินจุนเขินก้มหน้างุดๆหลบตา หมีตัวโตอดใจไม่ไหวหอมฟอดไปที่แก้มแดงๆนั่นทีหนึ่ง ร่างบนตักเกร็งขึ้นมาทันที “คำตอบล่ะครับ”


“งึมงัมๆ”เสียงเบาๆแทบจับไม่ได้ความของคนด้านบน ทำให้ชานซองต้องขยับตัวขึ้นไปฟังชัดๆอีกที


“เออ พอใจยัง!”พี่ใหญ่ตะโกนใส่หูร่างสูงกว่าอย่างหมั่นไส้


“พอใจมากครับ มินจุนของผม”เอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้าง ประกบจูบอ่อนหวานยาวนานอีกรอบ




...แพนด้าตาตกของเขาน่ารักมาจริงๆนั่นแหล่ะ หึ หึ...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*