[SF] Angel&Demon [MarkSon]
TITLE:
Angel&Demon
COUPLE:
MARK x JACKSON [MarkSon]
RATE:
PG-18
WORD:
6,641
BY:
Silverfeather29 /@silverfeather29/
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Angel&Demon
...ใครๆก็เรียกผมว่าปีศาจ...
อ๊อก!
ตุ๊บ! ตึง!
เสียงที่เกิดจากการกระทบกระทั่งกันรุนแรงดังออกมาจากซอยเล็กแคบข้างร้านค้าที่ไร้คนสนใจ
แน่นอน
ว่านั่นเป็นสมรภูมิที่ดีที่สุดสำหรับพวกเด็กมีปัญหาอยากแก้ปัญหากันด้วยหมัดและบาทา
“อ่อก!”ร่างเศษเดนมนุษย์คนหนึ่งกระเด็นติดกำแพงไถลลงไปองบนพื้นอย่างหมดสภาพ
เช่นเดียวกับอีกหลายร่างที่นอนกุมมือกุมท้องโอดครวญ
ร่างผู้ชายสูงร้อยเจ็ดสิบกว่าๆในชุดนักเรียนเอกชนปล่อยชายกำลังยันเท้าลงบนอกของหัวหน้าคู่อริบนขยี้พร้อมเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอและดวงตาที่วาวเรืองด้วยความสะใจ...ดูน่ากลัวราวกับเป็นปีศาจ
“ยะ...ยอมแก้ว
ยอมแพ้แล้ว
ปล่อยฉันไปเถอะ”เสียงแหบแห้งเปล่งออกมาพร้อมด้วยลมและเลือดสีแดงก่ำจากการที่ปอดฉีก
อวัยวะภายในบอบช้ำ
ยิ่งน้ำหนักฝ่าเท้าที่ขยี้ลงมายิ่งทำให้จุกร้าวราวกับซี่โครงกำลังจะแตก
รู้สึกเหมือนเห็นสรวงสวรรค์เมื่อฝ่าเท้าภายใต้ร้องเท้าหนังขัดมันนั่นยกออก ก่อนทุกอย่างจะดับวูบพร้อมกับเสียงลั่นของอะไรบางอย่างในหัว
แจ๊คสัน
หวังมองร่างที่เขาเพิ่งถีบกระเด็นติดผนังสลบเหมือดไปด้วยสายตาเบื่อหน่าย
‘ไอ้พวกหมาหมู่ไร้น้ำยาเอ๊ย!’
วันนี้เขาแค่เดินมาโรงเรียนตามปกติ
จู่ๆก็มีกลุ่มอันธพาลที่บอกว่าเป็นคู่อริเขามาล้อมเขาเอาไว้
ทั้งๆที่แจ็คสันเองก็จำไม่ได้ว่าเคยไปมีเรื่องกับพวกหน้าปลากระโห้ตรงหน้านี้ตอนไหน
พยายามจะเดินเลี่ยงแล้วแต่พวกมันลากเขาเข้ามาในนี้ก่อน แล้วยังไง?
นักกีฬาฟันดาบทีมชาติเยาวชนอย่างแจ๊คสันหวังน่ะเหรอจะแพ้?
ดูสภาพพวกหมาหมู่พวกนี้ก่อนเถอะ เหอะ! มาตั้งเยอะเขาจัดการไม่ถึงสิบนาทีก็ไปนอนนับมดเล่นกันหมดแล้ว
แจ๊คสันเดินไปหยิบกระเป๋าที่วางทิ้งไว้เดินดุ่มๆไปหลังโรงเรียนที่ไร้ผู้คนสัญจรผ่านไปมา
มองนาฬิกาข้อมือก็พบว่านี่ก็เข้าคาบที่สองแล้ว อดสบถคำหยาบ ขยี้ศีรษะตัวเองด้วยความหงุดหงิดไม่ได้
“แม่ง! ทำกูเสียเวลาชิบ กลับไปกระทืบซ้ำดีไหมวะ”
พูดไปงั้นแหล่ะ
จะไปๆกลับๆให้มันเหนื่อยเปล่าทำไม มองกำแพงสูงตรงหน้าด้วยสีหน้าเซ็งเป็ดเซ็งห่าน
ดีที่แถวนั้นกำลังก่อสร้างตึกมีไม้พอให้วางพาดกำแพงแล้วไต่ขึ้นมาได้
ตุบ!
ร่างเพรียวกระโดดลงบนพุ่มไม้ไร้หนามเพื่อผ่อนแรงตกให้น้อยลงแต่ก็ยังเจ็บสะโพกหน่อยๆอยู่ดี
ลุกขึ้นมองอาคารเรียนที่ไม่มีเสียงดังวุ่นวายเนื่องจากอยู่ในเวลาเรียนแล้วส่ายหน้ากับตัวเอง
หมุนตัวเดินไปทางอาคารชั้นเดียวที่อยู่อีกฟากของสนามบาสเก็ตบอล
เดินๆหลบๆเพราะช่วงเวลานี้อาจารย์ฝ่ายปกครองชอบออกมาตรวจหาเด็กหนีโรงเรียน
แต่แจ๊คสันไม่ใช่เด็กหนีโรงเรียน
เขาเป็นแค่เด็กใฝ่เรียนที่มาโรงเรียนไม่ทันเวลาต่างหาก -3-
อ้อมไปด้านหลังห้องพยาบาลเคาะกระจกหน้าต่างสามครั้งเหมือนเป็นสัญญาณให้ใครบางคนในห้องเลื่อนกระจกหน้าต่างออกกว้างให้แจ๊คสันได้กระโดดผลุบเข้าไปภายใน
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เดินเข้าทางประตูน่ะ”เสียงติดเหวี่ยงของชายหนุ่มร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน
เนคไทสีดำและกางเกงสแลคสีดำเนี๊ยบกริบทับด้วยเสื้อกราวขาวยาวพูดกับเขาตอนที่เขาวางกระเป๋าลงกับเตียงด้านในสุด
“เอาน่าพี่จุนโฮ
ขืนอาจารย์เจียเห็นผมในสภาพนี้ได้โดนทัณฑ์บนแน่ๆ ช่วยน้องหน่อยน่า”
พี่จุนโฮที่เขาเรียกเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาเอง
เป็นอาจารย์ห้องพยาบาลประจำโรงเรียน
เวลาที่เขาไปมีเรื่องมาแล้วมีแผลก็ชอบหลบอาจารย์คนอื่นมาพึ่งพี่จุนโฮให้ทำแผลให้นี่แหล่ะ...
“แล้วคราวนี้ไปโดนอะไรมา
ไปหาเรื่องเขาหรือเขามาหาเรื่องเอง?”
“โดนหมาหมู่รุม”
จุนโฮถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อยใจ
“หน้านายมันชวนให้ต่อยหรือกลิ่นตัวนายมันมีสารเคมีกระตุ้นต่อมกระตุกบาทาพวกนั้นรึไง”ถึงจะบ่นยังไง
จุนโฮก็ยังเป็นพี่ชายแสนดีที่คอยทำแผลให้เขาเสมอๆ
“โอ๊ยยยยยยย
พี่โฮเบาๆ น้องเจ๊บบบ”
...ถึงจะมือหนักไปหน่อยก็เถอะ...
“หน้าช้ำมาอีกแล้ว
มีวันไหนที่มึงจะไม่โดนหมาฟัดมาป่ะ?”
ทันทีที่เห็นผมเดินทอดน่องเดินเข้ามานั่งบนโต๊ะตอนพักระหว่างคาบ
ไอ้เจบีก็เห่าขึ้นมาทันที ที่จริงมันชื่อ อิม แจบอมครับ แต่เพราะมันบอกชื่อ แจบอม
มันไม่ชิค ก็เลยบังคับให้คนอื่นเรียก เจบี คู่กับ น้องจูเนียร์ แฟนมัน...
“รอบนี้กูไม่ได้เริ่มแล้วกันน่า”ตอบสั้นๆเพราะยังเจ็บปากนิดๆกระแทกกระเป๋าลงกับโต๊ะเรียน
มีสายตาหลายคู่มองมา แต่พอผมกวาดสายตาไปก็หลบหน้ากันอุตลุด
...แน่ล่ะ
ในโรงเรียนนี้ผมมีฉายาว่า ปีศาจแห่งโรงเรียนเจวาพีนี่นะ...
“เออ
ทำตัวสมฉายาปีศาจดีนะมึง
อยากให้พวกนั้นรู้จริงๆว่าตัวจริงมึงเป็นยังไง”เจบีมันบ่นพึมพำเอาหนังสือปรกหน้าเตรียมตัวเข้าสู่นิทรา
ด้วยความหมั่นไส้หรืออะไรไม่รู้ ผมเลยขัดขาเก้าอี้จนมันหงายหลังล้มไปด้านหลังดังโครมใหญ่
“ไอ้แจ๊คสันนนนน”ร้องลั่นห้องขณะกุมศีรษะที่เหมือนจะโนไปด้วยนิด
“อะไรครับคุณเจบี
แล้วไปนั่งจับกบตรงนั้นทำไมไม่ทราบครับ”ยักคิ้วหลิ่วตากวนประสาทใส่มไปทีมันก็แทบกระโจนมาชกผมแล้ว
แต่ด้วยโชคอันใดอาจารย์คาบต่อไปก็เดินเข้ามาพอดี เจบีเลยชะงักทำหน้าเหม็นเบื่อหยิบเก้าอี้มานั่งแต่โดยดี
ไม่วายส่งสายตาอาฆาตมาทางผมที่นั่งข้างๆด้วย
“เออ
อย่าให้ถึงตากูนะ ชิ!”
“รออยู่นะครับ
ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ทางนั้นน่ะเงียบได้รึยัง
วันนี้ครูจะสอบเก็บคะแนนเรื่องพันธุศาสตร์อย่างที่ได้แจ้งไปสัปดาห์ที่แล้ว แต่วันนี้ครูมีธุระกับทางเขตเร่งด่วนเลยอยู่เฝ้าสอบไม่ได้...”พูดยังไม่ทันจบ
นักเรียนในห้องก็ร้องเย้โห่ฮาดีใจ ผิดกับแจ๊คสันที่นั่งเงิบหันไปหาเจบีตาปริบๆ
“วันนี้มีสอบชีวะเหรอ?
ทำไมกูไม่รู้อ่ะ”
“มึงจะรู้อะไรล่ะ
คาบนั้นมึงหลับนี่”
“มึงไม่บอกกู”
“หน้าที่กูเรอะ”
เถียงกันไม่ทันจบเสียงไม้บรรทัดตีลงบนโต๊ะก็ทำให้ห้องเรียนเงียบขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“ไม่ต้องดีใจไป
ครูไม่อยู่แต่ครูมีผู้ช่วยจะมาเฝ้าให้ มาร์ค เอาข้อสอบเข้ามาได้แล้วลูก”
ทันทีที่อาจารย์เอ่ยเรียกชื่อพวกผู้หญิงในห้องก็กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
พวกผู้ชายยิ่งหูตั้งมองคนที่เดินเข้ามาใหม่พร้อมกระดาษข้อสอบตาวาว
ผิดกับแจ็คสันหวังที่ทำหน้าเหม็นเบื่อจนเจบีอดถองศอกใส่ไม่ได้
“เป็นอะไร
ไม่ชอบแองเจิลเหรอ?”
...ไม่ต้องงงว่าแองเจิลคือใคร
มันก็คือฉายาของผู้ชายที่ชื่อมาร์คนั่นแหล่ะครับ...
...นางฟ้าของโรงเรียนเจวายพี
มาร์ค ต้วน...
ร่างสูงโปร่งผิวขาวเนียนจนแทบหารอยตำหนิไม่เจออยู่ในชุดนักเรียนเรียบร้อย
ดวงหน้าดูดีเรียวเล็กบางมุมดูหล่อบางมุมดูสวยแต่เวลายิ้มเห็นเขี้ยวช่างน่ารักเหมือนลูกกระต่ายผสมกระรอก
เป็นผู้ชายที่ฟีโรโมนฟุ้งมากไม่จำกัดเฉพาะเพศหญิง เพศชายก็ไม่เว้น
แถมการเรียนและการประพฤติก็อยู่ในเกณฑ์ดีมาก ถือเป็นเพอร์เฟคแมนคนหนึ่งเลย
“เออ!”กระแทกเสียงตอบ ฟุบหน้าลงกับโต๊ะหลบสายตาบางคู่ที่มองมา
...ก็ในเมื่อปีศาจอย่างเขาโดนเอาไปเปรียบเทียบกับนางฟ้าคนดีนั่นประจำ
จะให้เขาชอบได้อย่างไร?...
อาจารย์ออกจากห้องไปแล้ว
มาร์คเดินแจกข้อสอบให้นักเรียนแต่ละโต๊ะ ใครได้แล้วก็เริ่มลงมือทำ
แจ๊คสันเป็นโต๊ะสุดท้ายเพราะเป็นเด็กหลังห้อง
นั่งหมุนปากกาเล่นไม่มองคนตัวสูงที่มาหยุดอยู่ข้างโต๊ะเขา
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีกระดาษสักแผ่นปรากฏบนโต๊ะ
ตวัดสายตาไปมองคนที่ยืนยิ้มเห็นเขี้ยวค้ำหัวเขา
“เอามา”
“พูดกับคนอายุมากแบบนี้เหรอ?”
“ผมกระดาษข้อสอบหน่อยครับ”
ผมเห็นนะว่าไอ้เจบีหันขวับมามองตาโต
อึ้งที่กูพูดสุภาพมากไหมไอ้เหยิน =_=
มาร์คพยักหน้าวางกระดาษข้อสอบแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะอาจารย์
แจ๊คสันถอนหายใจขณะมองกระดาษข้อสอบ ก็คนมันไม่รู้ว่ามีสอบ ไม่ได้เตรียมตัว
แล้วจะเอาอะไรมาเขียนกัน? เหอะ เตรียมตัวตกไปเถอะ
“...เดาแม่ม...”
.
.
.
.
.
“เอาล่ะ
หมดเวลา ส่งข้อสอบมาให้พี่นะ เรียงจากคนสุดท้ายมาเลย”ทุกอย่างหยุดชะงักเมื่อเสียงทุ้มต่ำผิดหน้าตาประกาศจากหน้าห้อง
เจบีเร่งมือเขียนข้อสุดท้ายยิกๆ ส่วนแจ็คสันส่งกระดาษให้เพื่อนด้านหน้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“มึงทำได้เหรอวะ?
ยิ้มเชียว”
ทันทีที่มาร์คเดินออกไป
เจบีก็เข้าล็อคคอเพื่อนทันที แจ๊คสันเอี้ยวตัวไปมองเย้ยๆ
“ไม่ได้ว่ะ”
“ถุย! ไอ้บ้า กูเห็นว่ามึงเขียนยิกๆแถมยิ้มไปด้วยทำไปด้วยคืออะไร
มึงเมาดีเอ็นเอรึไง?”
“กูทำไม่ได้จริงๆ
มึงไม่เชื่อก็ดูคะแนนกูละกัน”แจ๊คสันยักคิ้ว จับแขนเพื่อนออกจากคอ
“กูจะไปเข้าห้องน้ำ มึงไปมะ?”
“ไม่
ไปเถอะ”พูดพร้อมกวักมือไล่ส่งอีกต่างหาก แจ็คสันพยักหน้าแล้วเดินออกไปเข้าห้องน้ำ
แต่ก็ต้องหยุดเมื่อมีคนยืนขวางทาง
“พี่มาร์คคะ
คือ พอดีฉันทำขนมเหลือก็เลยห่อมาให้”หญิงสาวในชุดนักเรียนน่ารักก้มหน้าเอ่ยตะกุกกักต่อหน้าชายหนุ่มที่ยังคงถือข้อสอบอยู่
“คือ...”ชายหนุ่มทำท่าลำบากใจนิดหน่อยเพราะมือไม่ว่างจะรับของ
“นะคะ”
“อ่า...ก็ได้”สุดท้ายก็ทนเสียงรบเร้าไม่ไหว
ย้ายข้อสอบไปถือด้วยแขนด้านเดียว กำลังจะรับถุงขนมจากเด็กสาวอยู่ๆก็มีร่างใครคนหนึ่งเดินแทรกกลางผ่านไป
ถุงขนมหล่นลงพื้น แต่นั่นยังไม่พอใจคนทำ
รองเท้าหนังถูกเหยียบลงบนถุงนั้นจนขนมแหลกไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
“นี่นาย!”เด็กหญิงกรีดร้องไม่พอใจ
ปราดจะไปหาเอาเรื่องคนทำแต่ก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายปรายตาดุๆมามอง
“จีบกันขวางทางชาวบ้าน”
แจ็คสันหันไปจ้องหน้าฝ่ายชายแสยะยิ้มแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
แต่มือขาวหันมาจับไหล่เขาไว้ก่อน
“นายน่ะ
จะไม่ขอโทษผู้หญิงเขาหน่อยรึไง ที่นายทำมันรุนแรงเกินไปนะ”
“เรื่องของกู”
“ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย”คนหน้าสวยดุ
“กูสายอันธพาล
ไม่ใช่สายหล่อแบบมึงนี่”
“ที่นายพูดมันไม่เกี่ยวกันเลยนะ”
ทั้งสองคนโต้เถียงกันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนคนที่ผ่านไปมาเริ่มมุง
‘นั่นมีเรื่องอะไรกันน่ะ
เอ๊ะ! มาร์คนี่ โดนเจ้าเด็กบ้านั่นหาเรื่องเหรอ?’
‘นางฟ้าของเรากำลังโดนปีศาจทำร้าย
เราต้องช่วยเขานะ!’
เด็กสาวต้นเรื่องกลัวจะเป็นเรื่องใหญ่จึงเข้าไปรั้งแขนมาร์คเอาไว้
“เอ่อ
พี่มาร์คคะ คือหนูไม่เป็นไรค่ะ อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ”
“...แต่”
“เข้าใจง่ายดีนี่ยัยเตี้ย”แจ๊คสันเอ่ยขัดเสียงทุ้ม
“กูก็ไม่อยากฉุดแองเจิลให้มาแปดเปื้อนหรอก ให้กูเป็นเดวิลต่อไปนี่แหล่ะ”พูดจบก็หมุนตัวกลับห้อง
อารมณ์จะเข้าห้องน้ำหมดตั้งแต่คนเข้ามารุมแล้ว
มาร์คยืนมองคนที่ก้าวตึงตังจากไปจนลับสายตา
แล้วจึงหยิบถุงขนมขึ้นมา
“ขอบคุณสำหรับขนมนะ”
“แต่มันกินไม่ได้แล้วนะคะ”เด็กสาวมองถุงขนมด้วยความรู้สึกเสียดาย
“ไม่เป็นไรๆ เธออุตส่าห์ทำมาให้นี่นะ”มาร์คยิ้มแล้วเดินจากไป
เด็กสาวยิ้มปลื้มไม่หุบในขณะที่คนเห็นเหตุการณ์ต่างชมมาร์คเปราะ
ต่างจากคนที่เดินจากไปที่มีแต่คนกล่าวบริภาษลับหลัง
แจ็คสันเดินย่ำตึงตังกลับห้อง
คว้ากระเป๋าวิ่งออกจากห้อง ไม่สนเสียงร้องเรียกของเจบี ทำหน้ายักษ์เสียจนไม่มีคนกล้าถามหรือห้ามปราม
โดยไม่รู้ว่ามีใครบางคนพิงหน้าต่างห้องพยาบาลมองร่างของเขาปีนกำแพงออกไปเงียบๆ
“ไปทำอะไรให้โกรธอีกล่ะ”จุนโฮที่นั่งไขว้ขาถือถ้วยกาแฟอยู่บนเก้าอี้ทำงานเอ่ยถามคนตัวสูงราวกับเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ
“...”
“พวกนายนี่เด็กกันจริงๆเลยนะ...”
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก
ก่อนกดรับสายแฟนหนุ่มไม่สนใจคนในห้องอีกต่อไป
ประตูคอนโดหรูถูกเปิดออกพร้อมร่างสูงของเจ้าของห้องที่เดินเข้ามา
กวาดสายตามองก็พบว่าผู้ร่วมอาศัยอีกคนได้กลับมาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เสื้อสูทนักเรียนและเน็คไทถูกถอดวางพาดอยู่บนโซฟาดำ
รองเท้าและกระเป๋าถูกวางระเกะระกะอยู่บนพื้นใกล้ห้องน้ำที่มีคนใช้อยู่
ปากสวยกระตุกยิ้ม
วางกระเป๋าลงบนโซฟาแล้วเดินไปพิงกำแพงข้างประตูห้องน้ำรอเวลาให้ใครคนนั้นเดินออกมา
ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมอ้อมกอดอุ่นที่รัดร่างเย็นจากการอาบน้ำมาไว้ในอ้อมแขนแน่น
พร้อมแนบริมฝีปากลงบนแก้มนิ่มหนึ่งฟอด
แต่แทนที่จะมีเสียงโวยวายพร้อมการทำร้ายร่างกายเล็กๆน้อยๆตามปกติ
คนในอ้อมกอดกลับเงียบ
คนตัวสูงคลายอ้อมกอดเมื่อรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ
มือขาวปัดอ้อมแขนอุ่นออกจากตัวแล้วเดินไปแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้าโดยไร้คำพูดใดๆ
แม้แต่สายตาก็ไม่เหลือบมามอง คนตัวสูงมองอาการนั้นแล้วถอนหายใจเฮือก
...รอบนี้งอนหนักแฮะ...
ปล่อยให้อีกคนแต่งตัวไป
ส่วนตัวเองก็เดินไปเตรียมข้าวเย็นให้กับคนขี้งอน ตั้งหม้อเตรียมของเสร็จก็ยืนพิงเคาเตอร์รอหม้อเดือดมองอีกคนที่เดินมาทรุดตัวนั่งดูทีวีหน้าห้องครัว
ไม่พูดไม่คุยเหมือนไม่มีเขาอยู่ในห้องนี้
รามยอนร้อนๆถูกเทลงบนชามเซรามิกสีสวยสองชาม
ถือชามหนึ่งไว้เองในขณะที่อีกชามถูกส่งไปจ่อหน้าคนขี้งอน
บังคับกลายว่าถ้าไม่รับก็จงทนความร้อนของไอน้ำเดือดต่อไปซะ
คนที่ไม่ยอมมองหน้าเขาก็ได้ส่งสายตาค้อนพร้อมเอื้อมมือมารับชามไว้ก็ตอนนี้แหล่ะ
“เผด็จการ”คำบริภาษจากคนช่างจ้อดังขึ้นแผ่นๆทันทีที่ก้นแซะโซฟาตัวนิ่ม
ได้แต่ทำเฉยซดรามยอน รอฟังว่าจะบ่นจะด่าเขาอะไรอีก
“ขี้เก๊ก”
“ชอบเอาเปรียบ”
“เจ้าชู้”
“เอาแต่ใจ”คราวนี้เขาเอ่ยแทรกขึ้นบ้าง
ตากลมหันมาถลึงตามอง แต่มีหรือเขาจะกลัว
“หยาบคาย”
“ขี้หึง”
“ผมไม่ได้หึง!”
“อืม เดินแทรก
ปัดขนม แถมไปเหยียบขนมเขาจนเละไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่เรียกว่าหึงเลยเนอะ...แล้วยังทำตัวไม่ดีใส่ผู้หญิงเขาอีก
ไหนใครเคยบอกว่าการรุนแรงกับผู้หญิงเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องน่ะ
พี่โกรธนายเรื่องนี้แหล่ะแจ๊คสัน”
“...”กัดริมฝีปากจนแดงก่ำเพราะเถียงไม่ออก
“แจ๊คสัน”
“...ขอโทษ...พอใจรึยัง”แม้น้ำเสียงจะดูกระแทกกระทั้นแต่มาร์คก็รู้ดีว่าคำของโทษของคนข้างกายนั้นมาจากความบริสุทธิ์ใจ
จึงไม่ได้ต่อว่าอะไรอีก
“พรุ่งนี้ก็ไปขอโทษเจ้าตัวเขาด้วย
มาขอโทษพี่มันก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ”
“ปีศาจจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ”
“เจียเอ่อ”สรรพนามที่ใช้เรียกกันสองคนถูกยกมาใช้เมื่อดูท่าอีกฝ่ายจะเริ่มดื้อกับเขาอีกแล้ว
“อย่ามาดื้อกับพี่นะ”
“ผมไม่ได้ดื้อ
ผมแค่พูดตามจริง
ถึงผมจะขอโทษไปเด็กผู้หญิงคนนั้นก็คงรีบรับส่งๆแล้วก็เดินหนีเพราะกลัวเหมือนคนอื่นๆนั่นแหล่ะ
แล้วข่าวลือมันก็จะออกมาแนว ‘แจ๊คสันพูดคำว่าขอโทษล่ะ
ฉันว่าเขาไม่ได้ขอโทษจริงๆหรอก อยากขู่เด็กคนนั้นทางอ้อมมากกว่า’อีกนั่นแหล่ะ”พูดพลางจีบปากจีบคออย่างที่พวกผู้หญิงในห้องเรียนชอบทำเวลาตั้งกลุ่มเมาท์หลังห้อง
“ให้พี่ช่วยพูดให้ไหมล่ะ”
“ไม่ล่ะ”
“หืม...ทำไมล่ะ?”เลิกคิ้วถามคนตัวเตี้ยที่หลบสายตาเขาไม่ยอมพูดอะไร
แจ๊คสันไม่ตอบ นิ่งเงียบผิดปกติ แต่มาร์คก็ไม่ได้ซักไซ้ถามอะไรต่อเพราะรู้ดีว่าแจ๊คสันดื้อเงียบได้ไม่นานนักหรอก
“นี่อี้เอิน...”
แจ๊คสันวางชามรามยอนที่ยังไม่พร่องลงบนพื้น
เอ่ยเรียกคนที่หน้าสวยที่ยังยุ่งอยู่กับเส้นรามยอนให้เงยหน้าขึ้นมาทั้งที่เส้นยังคาปาก
ผิดอิมเมจนางฟ้าคนสวยอย่างที่ถ้าเป็นโรงเรียนจะไม่มีใครได้เห็น “ทำไมนายถึงมาคบกับฉันล่ะ?”
แจ๊คสันไม่ได้น้อยใจหรอก
ก็แค่สงสัยแล้วบางทีก็อดเปรียบเทียบตัวเองไม่ได้...
แล้วมันต่างจากการน้อยใจตรงไหน???
ยังจำครั้งแรกที่เจอกันได้อยู่เลย
แจ๊คสันกำลังเดินไปโรงเรียนตามปกติแต่ดันถูกชนเข้าไปในตรอกเล็กข้างโรงเรียนที่ในนั้นกำลังมีเรื่องกันอยู่
ตอนแรกว่าจะเดินหนีอยู่หรอก ก็เขาไม่ชอบเรื่องต่อยตีนี่นา
แต่ตาดันเหลือบไปเห็นคนหน้าสวยท่าทางบอบบางอยู่กลางวงแล้วรู้สึกปล่อยไว้ไม่ได้
รู้ตัวอีกทีก็ตอนยืนหันหลังชนกันโดยมีร่างไอ้พวกหมาหมู่จมอยู่ใต้กองเท้านั่งแหล่ะ...
และเพราะเหตุการณ์นั้นทำให้แจ๊คสันโดนดึงเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องทะเลาะวิวาทบ่อยครั้งจนได้ฉายาปีศาจมา
ผิดกับมาร์คที่ถึงจะมีเรื่องต่อยตีถี่ไม่แพ้เขาแต่ดันหลบหลีกเก่งกว่า
ประวิติคลีนยิ่งกว่าคลีน หน้าตาก็หล่อสวย มรรยาท(ที่โรงเรียน)ก็ดีงาม เรียนก็เก่ง
ลูกรักอาจารย์ทั้งโรงเรียน เลยได้ชื่อว่า นางฟ้า
ใครจะรู้ว่าที่จริงแล้วนางฟ้าไม่ได้อ่อนแอบอบบางเลยสักนิด
ซ้ำร้ายยังชอบรังแกปีศาจ (ตัวเตี้ยๆ) อย่างเขาอีก
มาร์คเหลือบมองคนที่เอาแต่ก้มหน้ามองถ้วยรามยอนอืดแล้วถอนหายใจดังเฮือก
...บางทีเขาอาจจะใจร้ายเกินไป...
“นี่เจียเอ่อ...”เรียกเสียงเบาให้อีกคนเงยหน้าขึ้นมา
ก่อนจะฉวยโอกาสยึดคางมนประทับจูบลงบนริมฝีปากอิ่มของอีกคนแผ่วเบา
ยาวนานและไม่มีการรุกล้ำก่อนผลักออกมาช้าๆ แจ๊คสันทำหน้านิ่งก็จริงแต่ปากอิ่มที่เม้มแน่นและแก้มกลมที่แดงระเรื่อบ่งบอกให้รู้ว่าตัวเองก็เขินใช่น้อย
“คิดมากเรื่องที่โรงเรียนอีกแล้วใช่ไหม”
“รู้แล้วจะถามทำไม”
“รู้แล้วก็จะเอาไปประกาศที่โรงเรียนว่าฉันเป็นแฟนนาย”
“เดี๋ยวนายก็โดนเกลียดเหมือนฉันหรอก
ไม่เอาอ่ะ”แจ๊คสันส่ายหน้าขวับไม่เห็นด้วย ผิดกับมาร์คที่ขมวดคิ้วไม่พอใจ
“นายก็เป็นอย่างนี้ทั้งปี
แล้วมาโทษฉันได้ไงว่าฉันใจร้าย...”เสียงทุ้มต่ำเริ่มมีแววความไม่พอใจอย่างที่แจ๊คสันจับสังเกตได้
“เฮ้! อย่ามาทำเสียงดุใส่นะ!”
“จะไม่ให้ดุได้ยังไง
อย่างนั้นก็ไม่ได้อย่างนี้ก็ไม่ได้ แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ถึงจะถูกใจนายน่ะ”
“ก็ไม่ทำยังไง...”คนพูดมากกลับมาแพ้คนพูดน้อยก็ตอนนี้แหล่ะ
แจ๊คสันพยายามจับแขนอีกคนให้อารมณ์เย็นลง แต่มาร์คสะบัดออก ดวงตาสวยที่มักจะมองมาอย่างเอ็นดูตอนนี้แข็งกร้าวจนแจ๊คสันไม่กล้าพูดอะไร
“จะบอกเรื่องเราคบกันก็ไม่ไห้พูด
จะให้ฉันแก้ตัวให้นายก็ไม่ให้ทำ
รู้ไหมว่าฉันก็เจ็บไม่แพ้นายหรอกที่คนอื่นว่านายลับหลังน่ะ
ฉันเป็นแฟนนายแท้ๆแต่กลับปกป้องนายไม่ได้”
“มาร์คนายใส่อารมณ์เกินไปแล้วนะ”
“ก็นายชอบทำร้ายตัวเอง
จะไปทนให้คนอื่นว่าทำไมกัน ทำตัวนักเลงเพื่อฉันทำไม รู้ไหมแจ๊คสัน...”
“ฉัน
ไม่ ต้อง การ!"
ว่าแล้วก็ผุดลุกเดินหนีออกไปจากห้องปิดประตูดังปัง
ปล่อยให้แจ๊คสันก้มหน้ามองถ้วยรามยอนสองถ้วยที่ถ้วยหนึ่งพร่องไปเกือบหมดกับอีกถ้วยที่ยังไม่ได้โดนแตะต้องแม้แต่น้อยด้วยใจที่ฟุ้งซ่าน
ความรักของพวกเขามันจะเหมือนรามยอนสองถ้วยนี้ไหม?
ในขณะที่เขารักมาร์คจนยอมทนโดนคนอื่นว่าร้ายได้ แล้วมาร์คล่ะ จะยังรักเขาเหมือนเดิมหรือพร่องลงไปเหมือนรามยอนถ้วยนั้นกันนะ?
เมื่อไม่มีอีกคน
ห้องกว้างขวางก็ดูอึดอัดขึ้นทันตา
ทุกสิ่งทุกอย่างนิ่งเงียบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจตัวเองเต้น แจ๊คสันนั่งกอดเข่าเหม่อมองจอทีวีดำมืด
ไม่มีอารมณ์อยากจะลุกไปไหน
นั่งจ่อมอยู่ตรงนั้นจนหยาดใสๆที่หางตาเริ่มไหลลงมาตามแก้มขาว
“ก็ไม่อยากให้มาร์คถูกเกลียดเหมือนกูนี่กูผิดมากเหรอวะ...แม่ง”
มาร์คเดินออกมาจากคอนโดด้วยใจที่ยังขุ่นมัว
เขาไม่ได้โกรธแจ๊คสันหรอกเอาจริงๆ เขาก็แค่โมโหตัวเองที่ดันพูดรุนแรงกับน้องไป
เห็นแจ๊คสันเป็นเด็กแสบชอบมีเรื่องต่อยตีจนหน้าช้ำมาให้เขาทำแผลบ่อยขนาดนั้น
ใครจะรู้ว่าภายในนั้นช่างเปราะบางและอ่อนไหวง่ายขนาดไหน
แจ๊คสันเป็นคนคิดมาก
แต่ไม่ค่อยคิดมากเรื่องตัวเองหรอก คิดแต่เรื่องเขาเนี่ยแหล่ะมากเกินไป
เขาไม่ใส่ใจหรอกถ้าภาพลักษณ์แองเจิลอะไรนั่นจะเสียหาย
ยังไงเขาก็ไม่ได้ต้องการมันตั้งแต่แรก
ผู้ชายคนไหนมันจะอยากโดนชมว่าเหมือนนางฟ้าบ้างล่ะ?
พูดเรื่องนี้กับน้องหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยเข้าใจกันสักที
..หรือเป็นเขาเองที่ใจอ่อนกับน้องเกินไป?...
แจ๊คสันขออะไรมา
มาร์คต้วนก็ยอมให้หมดนั่นแหล่ะ ก็ตอนอ้อนหมอนั่นน่ารักน้อยที่ไหนกัน
ตากลมๆปากแดงๆกับท่าทางที่เหมือนลูกหมาน่าเอ็นดูนั่นอีก
เดินวนไปมาแถวๆคอนโดจนฟ้าเริ่มมืดถึงได้ฤกษ์กลับห้องเสียที
แค่เปิดประตูเข้าไปก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อห้องทั้งห้องมืดสนิท ทำไมแจ๊คสันไม่เปิดไฟ
หรือน้องจะออกไปไหน?
เดินไปกดสวิตเปิดไฟให้ทั้งห้องสว่างโร่
ถึงได้เห็นว่ามีร่างที่ตามหานอนคุดคู้กอดตัวเองอยู่บนโซฟาตัวเดิม ถ้วยรามยอนยังวางอยู่จุดเดิม
ทุกสิ่งทุกอย่างไม่โดนเคลื่อนย้ายไปไหน
นี่แจ๊คสันนั่งอยู่อย่างนี้มาสามชั่วโมงเต็มๆเนี่ยนะ?
“ไอ้ต้วนเอ๊ย!”สบถด่าตัวเองพึมพำ ทิ้งถุงกับข้าวไว้บนเคาเตอร์แล้วเดินมาปลุกคนที่ยังนอนไม่รู้สึกตัว
ใจจริงก็อยากอุ้มเข้าห้องนอนอยู่หรอก แต่ตัวแจ๊คสันก็ใช่จะเบาอ่ะนะ... =_=
“แจ๊คสัน
เจียเอ่อ ตื่นได้แล้ว ตื่นมากินข้าวเร็ว
ยังไม่ได้กินใช่ไหม”ร่างเล็กเริ่มขยับดิ้นยุกยิก
ตากลมลืมตาขึ้นช้าๆปรือปรอยอย่างคนไม่ตื่นดี
มือขาวคลายออกจากการกอดอกจับข้อมือคนปลุกเอาไว้แน่น
“อี้เอินอย่าทิ้งเจียเอ่อนะ
เจียเอ่อจะเป็นเด็กดี อย่าทิ้งผมนะ
ได้โปรด...”น้ำเสียงแผ่วเบาที่อีกคนละเมอพูดกับเขาทำเอาร่างสูงเจ็บจี๊ดที่หัวใจ
...ผมทำให้น้องคิดว่าผมจะทิ้งเขาเลยเหรอ?
ให้ตายเถอะ ผมเป็นแฟนที่ไม่ดีเอาเสียเลย...
“เจียเอ่อ...”ก้มลงนั่งคุกเข่าข้างโซฟาพลางลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ
“อี้เอินสัญญาแล้วว่าจะไม่ทิ้งเจียเอ่อ เพราะฉะนั้นเชื่ออี้เอินนะ
อี้เอินรักเจียเอ่อมากนะครับ”
“เจียเอ่อก็รักอี้เอินเหมือนกัน”น้องพูดเพ้อๆ
ริมฝีปากแดงเผยยิ้มน่ารักก่อนที่เปลือกตาบางจะหลุบต่ำและหลับไปอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้น้องไม่กอดตัวเองแน่นแล้ว ผมถือว่าเป็นเรื่องดีนะ...
แจ๊คสันตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมความเมื่อยขบตามลำตัว
ยันตัวเองลุกขึ้นกระพริบตาปริบๆปรับสติตัวเอง
มองนาฬิกาบอกเวลาสองทุ่มแล้วถอนหายใจเฮือก นี่เขานั่งรอมาร์คจนเผลอหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอ
จ๊อก~
เสียงท้องร้องประท้วงขัดจังหวะความคิด แจ๊คสันเบ้หน้าจากความหิว
มองหาถ้วยรามยอนที่หายไปงงๆ
“หายไปไหน?
หรือว่ามาร์คกลับมาแล้ว...”
แต่มองไปทางไหนก็ไม่เจอคนตัวสูงเลย
นี่ก็สองทุ่มแล้ว ทำไมยังไม่กลับ? ต่อมความกังวลเริ่มทำงานตามประสาคนคิดมาก
ถึงจะทะเลาะกันอยู่แต่คำว่าห่วงมันก็บังคับให้มือขาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกอยู่ดี
Forever young Shawty
Forever young. Forever young Shawty Forever young.
ตลอดไปนะที่รัก
อยู่ด้วยกันตลอดไป ตลอดไปนะที่รัก อยู่ด้วยกันตลอดไป
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นจากทางระเบียงเรียกให้แจ๊คสันเดินไปหาเจ้าของเสียงที่ยืนพิงพนักกั้นรับลมอยู่ด้านนอก
มาร์คยืนพิงท่าทางสบายๆ
ดวงตาสวยมองมาทางเขาด้วยสายตาที่ทำเอาแจ๊คสันทำตัวไม่ถูก
ไม่บ่อยนักที่จะได้รับสายตาเปี่ยมด้วยความรักเหมือนกับตอนนี้ ดวงหน้าดูดียิ่งน่าหลงใหลเมื่อแสงคืนพระจันทร์เต็มดวงสาดส่องลงมาเกิดเป็นแสงเงาบนใบหน้านั้นราวกับปฏิมากรรมชั้นเลิศ
ผิวขาวเปล่งประกายภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี
แจ๊คสันมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกชื่นชมปนหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
ดูดีสมกับที่คนอื่นเรียกว่านางฟ้าจริงๆนั่นแหล่ะ...ต่างกับเขา...
“คิดอะไรบ้าๆอีกแล้วใช่ไหมเจียเอ่อ”เสียงทุ้มต่ำของมาร์คกระชากความคิดเขาให้กลับมาสนใจคนตัวสูงที่เดินเข้ามาหาเขาใกล้ๆ
“ผมคิดอะไร
พี่รู้ได้ยังไงล่ะ?”
“ฉันรู้หมดแหล่ะ
หน้านายมันแสดงมันออกมาโดยไม่รู้ตัวน่ะสิ”มาร์คกล่าวกลั้วหัวเราะ มือสวยแตะเข้าที่คางมนของคนรักพลางยิ้มบางๆ
“นี่...ฉันคิดดูแล้วนะ...”
“เราเลิกกันเถอะ”
ถ้อยคำสั้นๆแต่เปี่ยมไปด้วยความรุนแรงอันร้ายกาจฟาดฟันลงบนดวงใจที่สั่นไหวอยู่แล้วให้ขาดสะบั้นลงตอนนั้น
ลมหายใจของร่างเล็กติดขัดและในที่สุดหยาดน้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลก็ไหลลงมาอีกครั้ง
“ทำไม...เพราะผมไม่คู่ควรกับพี่เหรอ?...อ่า
ผมลืมไป ผมขอโทษ
ผม...ฮึก...ทำไมพี่ใจร้ายแบบนี้นะ...”ริมฝีปากแดงห้อเลือดจากการถูกขบกัดอย่างแรง
เล็บจิกลงบนฝ่ามือ สับสนจนคิดอะไรไม่ออก เคยคิดว่าวันนี้จะมาถึง แต่ไม่นึกว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้
...ในเมื่อเทวาจะบินจากไป
ซาตานคนนี้จะทำอย่างไรได้นอกจากจะต้องปล่อยไป
เทวากับซาตานอยู่ด้วยกันไม่ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่
อย่าคิดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้หน่อยเลย...
“นี่คิดอะไรอยู่ล่ะเนี่ย
พี่หมายถึงเราเลิกโกหกคนอื่นกันเถอะ พรุ่งนี้พี่จะบอกกับเพื่อนพี่ว่านายเป็นแฟนพี่
นายก็ต้องไปบอกกับเพื่อนนายว่าพี่เป็นแฟนนายเหมือนกัน”
“หะ...”เหมือนหัวสมองโดนสตั๊นไว้ชั่วคราว
เมื่อสารที่ได้รับมาตอนแรกผิดจากประโยคเมื่อครู่ สามนาทีให้หลังนั่นแหล่ะ
แจ๊คสันถึงได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของต้วนอี้เอิน
มือขาวฟาดลงบนท่อนแขนอีกคนด้วยความโมโห
“นี่พี่หลอกผมเหรอ!”
“พี่ไม่ได้หลอกนายนะ
นายไม่ฟังพี่พูดจนจบเอง”คนเป็นพี่ลอยหน้าลอยตาตอบล้อเลียนเด็กแสบที่มักทำหน้าตาแบบนี้ใส่เขาประจำ
“แต่เรื่องที่พี่จะบอกคนอื่นน่ะ
พี่...คิดดีแล้วเหรอ แฟนคลับพี่ล่ะ? อาจารย์ล่ะ?”
“ช่างคนอื่นเขาประไร
คนนอกทั้งนั้น จะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ พี่ขี้เกียจจะทำตัวเป็นเด็กดีแล้ว
นายก็รู้ว่าพี่ไม่ใช่”
“ใครว่าล่ะ
พี่แค่มีเรื่องกับเด็กโรงเรียนอื่นบ่อยเพราะพวกนั้นหมั่นไส้พี่หรอก
นอกนั้นพี่ก็เป็นอย่างที่คนอื่นเขาพูดกันนั่นแหล่ะ”
“นายกำลังชมพี่นะ
รู้ตัวรึเปล่า”
“มาร์คต้วนคนหลงตัวเอง!”แจ๊คสันตะโกนหรอกหูคนตัวสูงด้วยความหมั่นไส้
“ผมเป็นปีศาจของโรงเรียนเชียวนะ เด็กไม่ดี เด็กดื้อด้าน เด็กหยาบคาย
อย่างที่พี่เคยพูดไง พี่จะกล้าประกาศรึไงว่าผมเป็นแฟนพี่ อายคนอื่นเขาตาย”
“ใครว่าล่ะ
มีแฟนน่ารักแถมเก่งแบบนี้ น่าภูมิใจจะตาย”
“ผมเป็นผู้ชาย
อยากให้คนอื่นเขาด่าพี่ว่าเป็นพวกผิดเพศรึไง”
“เฮ้อ...หวัง
เจียเอ่อ ฟังพี่พูดนะ คนอื่นจะพูดอะไร จะคิดอะไรก็เรื่องของเขา
เราบังคับให้เขาคิดแบบเราไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือเราต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง
ไม่โกหกตัวเองและคนอื่น ทำให้เขาเห็นว่าเราทำสิ่งที่ถูก
ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร...”
“แต่ผมกับพี่ไปตีคนอื่นนะ
มันไม่เดือดร้อนคนอื่นตรงไหน”
“อย่าเพิ่งกวนพี่น่า”ทำเสียงดุให้เด็กดื้อหยุดเจื้อยแจ้วสักพัก
“เอาล่ะ ที่จะพูดคือ เรารักกัน ใครหน้าไหนมันจะพูดอะไรก็เรื่องของมันเถอะ!"
“ทำไมกลับมาสายเถื่อนล่ะนั่น”
“ถ้าพูดขัดอีกคราวนี้จะไม่ใช่แค่จูบ”
ขู่แค่นั้นคนตัวเล็กก็รีบยกมือปิดปากฉับ
มาร์คหัวเราะให้กับท่าทางน่าเอ็นดูนั้น หอมแก้มขาวด้วยความหมั่นเขี้ยว
“พี่จะเป็นตัวพี่แล้ว
แล้วไม่ต้องพยายามสร้างภาพให้พี่เป็นแองเจิล เพราะพี่ไม่อยากเป็น
เลือกได้พี่อยากเป็นปีศาจที่คอยตบหัวพวกที่ว่านายดีกว่า”
“งั้นมาเป็น Couple
Demon ป่ะ? อื้ม!...”ริมฝีปากอิ่มช่างจ้อถูกประกบจูบแน่น
รสจูบหอมหวานและร้อนแรงเร่งอุณหภูมิให้ทั้งสองคนร้อนผ่าว แจ็คสันรีบดันมาร์คออกก่อนที่พวกเขาจะเกินเลยกันมากไปกว่านี้
“ฉวยโอกาส!!!”
“ก็เตือนแล้ว”มาร์คยักไหล่ไม่ยี่หระต่อคำต่อว่านั้น
ความหวานจากริมฝีปากของอีกคนยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น คิดแล้วอยากลิ้นรสอีก
แต่ต้องหลังจากเคลียร์เรื่องนี้ให้จบก่อน
“แล้วนายก็เลิกมีเรื่องได้แล้ว”
“อันนี้ช่วยไม่ได้
พวกนั้นมาหาเรื่องผมก่อน ผมไม่เคยไปหาเรื่องใครนะจะบอก
พวกหมาหมู่นั่นเอาแต่กัดผมไม่หลุดเลยตั้งแต่ตอนนั้น พี่ก็รู้นี่”
“นายรับปากพี่ก็พอ”
“คร๊าบบบบบ
ผมจะพยายามไม่มีเรื่องครับ เอ่อ ผมจะไม่ไปต่อยชาวบ้านเค้าแล้วคร๊าบบบ”กลับลำกะทันหันเมื่อเจอสายตาดุๆจ้องเข้าให้จากคำตอบแรก
...ดุเค้าตะไม...
“แค่นั้นแหล่ะ”
“แล้ว...อื้อ
อะไร!”ร้องโวยวายเมื่อแก้มขวาโดนขโมยหอมไปไม่ทันตั้งตัว
มาร์คไม่พูดอะไรแต่ฉุดคนรักเข้าห้อง
“หมดเรื่องคุยแล้ว
ตอนนี้เป็นพาร์ทการกระทำ”เสียงทุ้มต่ำพร้อมรอยยิ้มไม่น่าไว้วางใจทำเอาแจ๊คสันเสียวสันหลังวาบ
“ม่ายยยยย”
รุ่นเช้าวันนั้นแจ๊คสันมาโรงเรียนด้วยสภาพอิดโรย
ไม่ต้องบอกนะว่าเมื่อคืนโดนอะไรมา ไม่ต้องให้เล่าด้วย อาย -////-
มาถึงที่นั่งประจำก็ฟุบลงกับโต๊ะจนอิมแจบอมแปลกใจ
“เป็นอะไร
เมื่อคืนโดนใครรุมมารึไง สภาพแม่งดูไม่ได้”
“กูโดนฟัดมา
มึงรู้แค่นั้นก็พอ”ตอบน้ำเสียงเนือยๆแล้วหลับตาลงจะงีบชาร์ตพลังก่อนเข้าเรียนช่วงเช้า
แต่เสียงดังโหวกเหวกราวนกกระจอกแตกรังจากหน้าโรงเรียนทำให้เขานอนไม่ได้
ผุดตัวลุกขึ้นมองคนกลุ่มใหญ่ที่มุงอะไรบางอย่างอยู่หน้าประตูโรงเรียน
“มีเรื่องอะไรกันนะ
แจ๊คมึงรู้ไหม”
“กูก็อยู่กับมึงไหมครับไอ้เหยิน...”แรงสั่นจากในกระเป๋ากางเกงขัดจังหวะการสนทนา
แจ๊คสันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์มาร์คที่โทรมา
“ว่า...”
“มาที่หน้าโรงเรียนหน่อย
เร็วๆนะ เดี๋ยวอาจารย์จะมาก่อน”
“ฮะ?...”ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อสายก็ถูกตัดไป
แจ๊คสันเลยต้องรีบวิ่งไปที่หน้าโรงเรียนซึ่งน่าจะเป็นจุดเดียวกับที่คนมุงกันเยอะๆ
โดยมีเจบีวิ่งตามมางงๆ แต่เพราะความสูงที่มีมันก็ได้มาตรฐานไปนิดเลยมองไม่เห็นอะไรเลย
จึงต้องใช้ชื่อเสีย(ง)ของตัวเองให้เป็นประโยชน์
“ขอทางหน่อย”พูดแค่นั้นกลุ่มนักเรียนหญิงชายที่ออกันจนไม่เห็นอะไรก็ค่อยๆเปิดทางให้เขา
ก่อนที่ตากลมจะเบิกกว้างเมื่อเห็นสาเหตุที่ทำให้คนมารวมตัวกัน
“มาร์ค!!!”
เรียกคนที่ยืนค้ำหัวชายอีกคนที่อยู่ในสภาพคางเหลืองปางตายแต่ถูกลากมานั่งคุกเข่าอยู่หน้าโรงเรียน
วันนี้มาร์คไม่ได้อยู่ในลุคของแองเจิลผู้เรียบร้อยแต่กลับกลายเป็นมาร์คนิวเดวิล
ชายเสื้อนักเรียนหลุดลุ่ย ผมสีเพลิงยุ่งเหยิงแต่กลับดูดีราวกับหลุดออกจากนิตยสาร
ที่กรามขวามีรอยช้ำเล็กๆแต่นั่นก็มากพอให้แจ๊คสันปราดเข้าไปหาคนรักทันใด
“ใครทำ!”แจ๊คสันถามถึงรอยช้ำข้างแก้ม
หน้าหล่อๆของมาร์คนี่กูหวงรองจากเวอร์จิ้นเลยนะเว้ย! (ถึงมันจะจิ้นแล้วก็เถอะ)
“ช่างมันเถอะ
มาฟังเจ้าหมอนี่พูดอะไรหน่อยดีกว่า เอ้า!
พูดมา มึงจะพูดอะไรกับแฟนกู!”ประกาศกร้าวเสียงดัง
จนคนที่มุมอยู่โดยรอบรวมกระทั่งเจบีและแจ๊คสันจะเบิกตากว้างตกใจ
“มาร์ค!”
“เอาน่าฟังมันก่อน”
“พะ
พวกผมสัญญา อัก จะ จะไม่ยุ่งกับพวกพี่ อะ อีกแล้ว แค่ก คะ
ครับ”กว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคาวกับจวนเจียนตายแต่เหมือนปีศาจในร่างมาร์คจะยังไม่สะใจ
“พวกพี่นี่ใครกูไม่รู้เรื่อง”
“ละ
ลูกพี่มาร์คกับลูกพี่แจ๊คสันครับ!”พูดเสียงดังฟังชัดครั้งสุดท้ายเท่าที่ปากแตกๆนั่นจะเอื้อก่อนจะฟุบลงกับพื้นแน่นิ่งไป
“มาร์ค
นายไปทำอะไรเขาน่ะ?”
“ฉันประกาศเรียกพวกที่มันอยากมีเรื่องกับฉันและนายมารวมกันแล้วยำพวกมันเละไปเมื่อเช้า
พวกมันจะได้ไม่มายุ่งกับนายอีก”
พูดแค่นั้นแจ๊คสันก็ไม่กล้าถามอะไรต่อแล้ว
เขาเคยเห็นมาร์คโหมดดาร์คมาแล้ว บอกคำเดียว ว่าโคตรสยอง
ถ้ายังไม่อยากตายอย่ามีเรื่องกับมาร์คต้วน
“เดี๋ยวนะ
เมื่อกี้แองเจิลบอกว่าใครเป็นแฟนนะ...”เป็นเจบีที่เป็นหน่วยกล้าตายถามแทนทุกคนที่รอฟังอย่างตั้งใจ
#เรื่องเรียนหนูตั้งใจแบบนี้ไหมลูก
“ฉันไม่ใช่แองเจิล
ขอเถอะน่า ฉันไม่ชอบชื่อนั้น แล้วก็แจ๊คสันเป็นแฟนฉัน เข้าใจตรงกันนะ”
“หา!”เหมือนทุกคนจะยังมึนงงกันอยู่แต่เชื่อว่าคำตอบนั้นต้องซึบซับเข้าไปในสมองของแต่ละคนและจะแพร่กระจายข่าวออกไปทั่วโรงเรียนไม่เกินคาบเที่ยงวันนี้แน่นอน
“เฮ้! พวกเธอน่ะ มาทำอะไรกันตรงนี้!!!”เสียงอาจารย์ชานซองดังมาแต่ไกล
ช้ากว่าคู่รักมาร์คสันที่หิ้วปีกหัวหน้าคู่อริขึ้นมาคนละข้างเตรียมเผ่นแน่บหนีอาจารย์ฝ่ายปกครองสุดเฮี้ยว
“เจบี
ฝากลาอาจารย์คาบแรกให้ด้วยนะ”
“อะ เออๆ
กลับมาเคลียร์กับกูด้วย กูงงไปหมดแล้ว เดี๋ยว!
แจ๊คมึงเป็นผัวรึเมีย?”คำถามขวานผ่าซากคะแนนเต็มร้อย เจบีผู้นี้นี่เอง!
“สัด! เรื่องนี้ใครจะบอกวะ”แจ๊คสันตะโกนด่าหน้าดำหน้าแดง
“เดมอนอยู่ใต้ดินเทวาอยู่บนฟ้า”มาร์คเปรยๆพร้อมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะฉุดมือแจ๊คสันวิ่งออกจากจุดเกิดเหตุไปไกลลิบไม่รอให้ใครถามอะไรต่อ
ถึงจะมีเสียงแว่วๆของทั้งสองดังมาให้ได้ยินก็เถอะ
“เมื่อกี้นายหมายความว่ายังไงอ่ะ?”
“ไม่ต้องรู้หรอกเด็กดื้อ”
ปล่อยให้คนที่ได้ยินยืนอึ้งแดกใบ้กินกันไปจนอาจารย์ชานซองมาไล่ต้อนเข้าโรงเรียนนั่นแหล่ะ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
เจบี :
อ๋อ!....................................
เห้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เพื่อนกูอยู่ล่างเรอะ!?
แถม
จุนโฮกำลังเพลินไปกับกาแฟหอมกรุ่นในมือพร้อมๆกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมา
นิ้วเรียวกดรับสายที่ขึ้นชื่อว่า ‘ที่รัก’
พร้อมรอยยิ้มหวาน แม้คนต้นสายจะไม่ได้เห็นก็เถอะ
“พวกนั้นหนีทันใช่ไหม?”
.
.
.
.
.
.
.
.
“ขอบคุณนะ ชานซอง”
----------------------------------------------------------------------------
มหากาพย์แอลเจิลเดวิลมากพูดเลย
ตอนแรกจะแต่งสั้นๆ แต่งไปแต่งมา เชร้ดดดดด Word 16 จำนวน 30 หน้า! จึงต้องอัพช้าด้วยประการฉะนี้
(ดองก็บอกมา 555555555555555555)
ปล.พี่มาร์คพูดมาก...
แจ๊คสันขี้งอน... มันไม่ใช่อ่ะจ๊อด ฉันแต่งผิดลุคมาก -*- ไว้แก้ตัวเรื่องหน้านะ
จุ๊บๆ รักคนอ่านทุกคน รักมากขึ้นถ้ามีคอมเมนต์บ้าง 55555
อุแง้ เปนเขิลลลลล
ตอบลบ